วันนี้ ฉันอยากแบ่งปันคำพยานจากผู้อ่านท่านหนึ่งของเรากับคุณ เธอได้เห็นว่าชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเธอ
“ตั้งแต่วันที่ฉันเริ่มรับข้อความจาก ‘อัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกวัน’ ฉันก็เริ่มรับรู้พระเจ้ามากขึ้นและมากขึ้นในชีวิตของฉัน
ในปี 2007 ฉันกลับบ้านเกิดของฉัน ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่มีอาการลมชัก เวียนศีรษะ ชัก และไมเกรนขั้นรุนแรง จนฉันไม่สามารถขับรถหรือออกไปข้างนอกคนเดียวได้อีกต่อไป…
หลังจากที่ฉันรับคำหนุนใจจาก ‘อัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกวัน’ ฉันได้ตระหนักว่าพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยฉันและพาฉันผ่านความเจ็บป่วยนี้ที่บั่นทอนสุขภาพของฉันและขัดขวางฉันจากการมีความสุขกับชีวิตที่พระเจ้าประทานให้ฉัน
และพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของฉัน ตอนนี้ฉันได้รับการรักษาแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง ฉันไม่ใช่คนเดิมที่ฉันเคยเป็นอีกแล้ว ฉันได้ความสงบสุขของฉันคืนกลับมา ฉันไม่อารมณ์เสียอีกต่อไป ฉันต้องขอการอภัยจากคนอื่นๆรอบข้างฉันที่ฉันเคยหงุดหงิดใส่พวกเขา
ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันมีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ได้รับการเติมเต็มด้วยความสงบสุขอย่างที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนตั้งแต่เป็นวัยรุ่น”
ตลอดสัปดาห์นี้ ฉันขอหนุนใจคุณที่จะพัฒนาวินัยที่ดีเพื่อรักษาความตั้งใจดีต่างๆของคุณ หรืออย่างน้อยที่สุดอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตฝ่ายวิญญาณของคุณ
สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การเริ่มต้น แต่เป็นตอนจบต่างหาก เหมือนกับข้อพระคำตอนนี้ที่กล่าวไว้ซึ่งฉันชอบมาก “เบื้องปลายของสิ่งใดๆ ก็ดีกว่าเบื้องต้นของสิ่งนั้นๆ…” (ปัญญาจารย์ 7:8)
เป็นตอนสุดท้ายที่เราจะได้เห็นผล…หรืออาจจะไม่เห็นผลอะไรเกิดขึ้นเลย และเป็นตอนสุดท้ายต่างหากที่เราจะชื่นชมยินดีกับชัยชนะหรืออาจจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจากการถูกโจมตี ซึ่งนั่นขึ้นอยู่กับการรักษาวินัยต่างๆของคุณ
จงบากบั่นต่อไปนะคะ อย่าหยุดสิ่งที่คุณได้เริ่มแล้วนั้น ทำอย่างเต็มที่จนคุณเห็นทุกอย่างเสร็จสิ้น พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีสำหรับชีวิตของคุณ
ฉะนั้น ฉันขอจบแผนการอ่านนี้ด้วยวินัยที่ 7 คือ “บากบั่นในความพยายามของคุณจนกว่าคุณจะเห็นผล”
คุณคือการอัศจรรย์