The Bible is full of miracles that speak of a living God. He is the God that makes the impossible, possible! He makes all things work together for good. He wants to bless you! “A Miracle Every Day” will help you develop your faith and experience the presence and power of God!
การให้อภัยอยู่ที่นี่แล้ว
จากที่เราได้พูดถึงการให้อภัยผู้อื่นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณมั่นใจหรือไม่ว่า บาปของตัวคุณเองได้รับการอภัยแล้ว? ในพระคัมภีร์กล่าวว่า “เรา เราเองคือผู้นั้น ผู้ลบล้างการทรยศของเจ้าด้วยเห็นแก่เราเอง และเราจะไม่จดจำบาปของเจ้า” (อิสยาห์ 43:25) นี่คือการให้อภัยที่อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้แล้ว พระเจ้าไม่ได้ตรัสว่า… พระองค์จะลบล้างบาปของคุณสักวันหนึ่งในอนาคต แต่พระองค์ทำให้มันหายไปแล้วตอนนี้ บางคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะรู้แน่นอนว่าบาปของเราได้รับการอภัยแล้วบนโลกนี้ แต่พระวจนะของพระเจ้ารับรองกับเราว่านี่คือความจริง พระเจ้าทรงทราบว่าจิตวิญญาณของเราต้องการการปลอบประโลม นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ประทานพระสัญญาของพระองค์แก่เรา ว่าทันทีที่เราวางใจในพระเยซู ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเราและฟื้นคืนพระชนม์ บาปทั้งหมดของเรา ทั้งของเมื่อวาน วันนี้ และวันพรุ่งนี้…ได้รับการอภัยและลบล้างแล้ว คุณ*|FNAME|* พระเจ้าจะไม่เรียกร้องให้คุณชำระหนี้อีกเป็นครั้งที่สอง พระเยซูทรงชำระเพื่อคุณมานานแล้ว และข้อเท็จจริงนี้รับประกันตลอดนิรันดร์กาล ฉันขอเชิญคุณอธิษฐานกับฉัน…
การให้อภัยคือการอัศจรรย์
เมื่อเราได้ยินคำว่า “การอัศจรรย์” เรามักนึกถึงการรักษาทางร่างกาย คนที่แขนขาเริ่มใช้งานได้อีกครั้ง หรือแม้แต่คนที่ฟื้นจากความตาย แต่ฉันขอพูดว่า… การอัศจรรย์ยังมีอีกหลายแง่มุม ช่วงเวลาอันทรงพลังของการเยียวยาจิตใจ การได้รับความรอด การอุทิศตนให้กับพระเยซูอีกครั้ง …และการให้อภัย การให้อภัยคือการอัศจรรย์ จะให้อภัยสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ได้อย่างไร? ในแง่ของมนุษย์ ฉันคิดว่ามันยากมาก แต่โดยพระเจ้า มันเป็นไปได้ 1. การให้อภัยเป็นการกระทำแห่งความรัก โรม 5:5 กล่าวว่า “และความหวังจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว” โดยพระวิญญาณของพระองค์ พระเจ้าปลดปล่อยความรักที่แท้จริงในหัวใจของเรา และทำให้เราสามารถให้อภัยได้ 2….
ควรทำอย่างไร เมื่อความไว้วางใจถูกทำลาย?
วันนี้เราจะพูดถึงสิ่งที่คุณสามารถทำได้ เมื่อความสัมพันธ์แตกหัก การทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เป็นไปได้ที่จะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ด้วยความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้เป็นเช่นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความไว้วางใจที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่ และเพื่อให้ถึงจุดนั้น สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับความผิดที่ได้ทำ และจากนั้นให้อภัยอีกฝ่ายให้สำเร็จ ในความเป็นจริง การให้อภัย เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความไว้วางใจขึ้นใหม่ หากไม่มีมัน ความสัมพันธ์ที่แตกหักก็ไม่สามารถฟื้นคืนได้ นี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้… บอกถึงปัญหาของคุณต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า บอกพระองค์ถึงบาดแผลของคุณ หรือเขียนมันออกมา จงเปิดเผยอย่างเต็มที่ ขอให้พระองค์ช่วยคุณให้สามารถให้อภัยได้ จากนั้น ผ่านการทรงสถิตของพระองค์ จงเลือกที่จะให้อภัย เพราะพระเยซูทรงสอนให้เราอธิษฐานว่า “และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์” (มัทธิว 6:12) สุดท้าย…
พระเจ้าอยากให้คุณเป็นอิสระ
วันนี้ ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับคุณ และท้าทายคุณเป็นการส่วนตัวนะคะ พี่น้องที่รัก “เราอยากให้เจ้าเป็นอิสระ เป็นอิสระที่จะใช้ชีวิตที่เราเตรียมไว้สำหรับเจ้า ให้แต่ละก้าวของเจ้าถูกนำพาโดยพระคุณของเรา โดยพระวิญญาณของเรา เราต้องการปลดปล่อยชีวิต และความชื่นชมยินดีของเราภายในตัวเจ้า เราอยากให้เจ้าเป็นอิสระ อิสระ อิสระ แต่อย่างที่เจ้ารู้ ทุกครั้งที่เจ้าไม่ให้อภัย มันทำให้เจ้าห่างจากเราไปเล็กน้อย และเวลาก็ผ่านไป… และเจ้ายังคงครุ่นคิดและหมกมุ่นอยู่กับมัน เราต้องการปลดปล่อยเจ้า สอนเจ้าถึงวิธีการให้อภัย ช่วยให้เจ้าลืมความเจ็บปวดที่เกิดจากคำพูด หรือทัศนคติของพวกเขา เพื่อที่ในท้ายที่สุด เจ้าจะมีชีวิตที่เป็นอิสระจากความแค้นเคือง จากความเจ็บปวด จากความขมขื่น จากความโกรธ จากความปรารถนาที่จะแก้แค้น จงให้เราฟื้นฟูเจ้าและรักษาเจ้า วางความเจ็บปวดและความขมขื่นของเจ้าไว้ที่กางเขน…
ถ้าการให้อภัยไม่เพียงพอล่ะ? 🤔
ฉันอยากแบ่งปันประสบการณ์หนึ่งของฉัน เกี่ยวกับการให้อภัย ครั้งหนึ่งฉันเคยมีสถานการณ์ที่รู้สึกว่า ตัวเองถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงจากใครบางคน แม้ว่าฉันคิดว่าฉันได้ให้อภัยคนๆนี้ จากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว ความรู้สึกแค้นเคืองก็ผุดขึ้นมาอีก เมื่อพูดถึงหรือคิดถึงสิ่งที่เขาทำต่อฉัน ฉันรู้สึกหงุดหงิดใจ โกรธ และมักเป็นความรู้สึกโกรธที่อยู่ภายใน เมื่อฉันเริ่มใคร่ครวญการกระทำหรือคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของเขา ความรู้สึกโกรธนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นโหมดอยาก “แก้แค้น” แต่พระวจนะของพระเจ้าชัดเจนมาก ในโรม 12:19 เขียนไว้ว่า “นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน”” พระเจ้าสอนความจริงที่สำคัญนี้ให้ฉัน เราต้องให้อภัยและ “ให้อภัยซ้ำอีก”…
การให้อภัยสามารถปลดปล่อยคุณได้หรือไม่?
ฉันได้รับข้อความมากมายที่ถามคำถามกับฉัน แม้ว่าฉันจะไม่สามารถตอบทุกข้อความได้ ทำไมฉันจึงแบ่งปันเรื่องนี้กับคุณในวันนี้? เพราะฉันรู้สึกอยากตอบคำถามบางข้อที่ฉันได้รับมา หลายคนบอกฉันว่า การให้อภัยเป็นหนึ่งในความยากลำบากที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในบางครั้งพวกเขาบอกว่าพวกเขามีปัญหาในการให้อภัยผู้อื่น และตัวเอง นี่เป็นเรื่องราวของคุณหรือไม่? หรือเป็นเรื่องราวของคนที่คุณรู้จัก? การให้อภัยเป็นการกระทำที่มาจากพระเจ้า ฉันเชื่อจริงๆว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างการให้อภัย คำว่า “การให้อภัย” ทำให้ฉันนึกถึงข้อพระคัมภีร์ที่รู้จักกันดี ในยอห์น 3:16 “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” เป็นเพราะการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูที่ทำให้เราได้รับการอภัย เพราะโลหิตของพระองค์หลั่งออกเพื่อเรา (อ่านเพิ่มเติม ฮีบรู 9:22-28) พระเจ้าประทานเพื่อให้คุณได้รับการอภัยจากบาปของคุณ พระองค์ทรงสละพระบุตรของพระองค์ การให้อภัยก็คือสิ่งนี้เช่นกัน…
ความชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้ามีให้ตลอดเวลา ☔️
วันนี้เรากำลังจะจบซีรีส์เกี่ยวกับความเครียด คุณรู้จักใครบางคนที่ดูเหมือนร่าเริงและมีความสุขอยู่ตลอดเวลาไหม? คล้ายกับการขับรถโฟว์วิล ความชื่นชมยินดีของคนๆนี้ ดูเหมือนจะ “ลุยได้ทุกสภาพพื้นที่” อาจดูแปลกๆ และบางทีคุณอาจสงสัยว่า “เขาทำได้ยังไง? ความลับของเขาคืออะไร?” คุณรู้ไหมว่าคุณมีโอกาสที่จะมีความสุขทุกวัน? พระคัมภีร์กล่าวไว้ในฟีลิปปี 4:4 ว่า “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด” อัครทูตเปาโลอยู่ในคุก เมื่อท่านเขียนข้อพระคัมภีร์นี้ ซึ่งยิ่งทำให้คำประกาศของท่านมีพลังมากขึ้น แม้แต่ในคุก แม้แต่ในความยากลำบากที่สุด การชื่นชมยินดีก็ยังเป็นไปได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมนุษย์เลย แต่มันเป็นไปได้ด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า เปาโลแสดงให้เราเห็นว่า การมีความชื่นชมยินดีนั่นเป็นทางเลือก ความชื่นชมยินดีของคุณ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณ แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้า ผู้สถิตในตัวคุณและอยู่กับคุณ…
คุณมีแผนการรับมือแรงกระแทกในชีวิตไหม?
เรายังคงคุยกันต่อในเรื่องความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีรับมือความเครียด วันนี้ฉันอยากเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องสั้นๆ ให้คุณฟัง ลองจินตนาการว่า คุณอยู่ในห้องแต่งตัวกับทีมกีฬาที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเคยคว้าแชมป์โลกมาแล้วครั้งหนึ่ง นักกีฬากำลังเตรียมตัวเล่นเกมสำคัญที่สุดของฤดูกาล อาจจะเป็นเกมสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาเลยก็ว่าได้ ในช่วงเวลาสำคัญ… และแล้วนักกีฬาคนหนึ่งก็ถามโค้ชว่า “โค้ชครับ กลยุทธ์สำหรับเกมวันนี้คืออะไรครับ?” โค้ชตอบว่า “ผมไม่รู้ ผมไม่มีแผนอะไรหรอก แค่ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน” คำตอบแบบนั้นไม่มีเหตุผลเอาซะเลย โค้ชคนนี้กำลังนำทีมของเขา และตัวเขาเองไปสู่ความพ่ายแพ้… หากไม่มีแผนที่ชัดเจนในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ ทีมนี้ แม้จะประกอบด้วยแชมเปี้ยน ก็ยากที่จะชนะได้ ลองเปรียบเทียบกับความเครียดดู เมื่อเราทุกข์ทรมานจากความเครียด เรามักจะยุ่งมากขึ้นหรือไม่ทำอะไรเลย ราวกับเป็นอัมพาต แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับจำนวนสิ่งที่คุณสามารถทำได้ มันเกี่ยวกับการทำ…
ยุติความวิตกกังวล
บ่อยครั้งความทุกข์ของเราเริ่มต้นด้วยคำพูด พระเจ้าตรัสในพระวจนะของพระองค์ว่า “ความตายและชีวิตอยู่ในอำนาจของลิ้น และผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน” (สุภาษิต 18:21) ดังนั้นคำพูดจึงสามารถทำให้เราเต็มไปด้วยความสุขล้นเหลือ หรือในทางตรงกันข้าม ก็ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่แย่ที่สุด ที่เราสามารถรู้สึกได้ในฐานะมนุษย์ ตัวอย่างเช่น หากการสนทนาของเราเป็นไปในเชิงบวก เต็มไปด้วยความหวังและกำลังใจ เราจะผ่านวันนั้นๆ ไปด้วยการมองโลกในแง่ดีและความสุข แต่หากการสนทนาของเราเต็มไปด้วยความเครียด เราจะเข้าหาเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยความกังวล ยิ่งเราพูดถึงทุกสิ่งที่อาจผิดพลาดมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเพิ่มระดับความเครียดและ… ลดระดับความเชื่อลงเท่านั้น แต่คำพูดเหล่านี้มาจากไหน? และทำไมบางครั้งจึงเป็นลบมาก? อีกครั้งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งนี้แก่เราในพระวจนะของพระองค์ว่า… “…เพราะว่าปากย่อมพูดสิ่งที่เต็มล้นอยู่ในจิตใจ” (ลูกา 6:45) กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากหัวใจของคุณกังวล คำพูดของคุณก็จะสะท้อนความกังวลของคุณออกมา…