The Bible is full of miracles that speak of a living God. He is the God that makes the impossible, possible! He makes all things work together for good. He wants to bless you! “A Miracle Every Day” will help you develop your faith and experience the presence and power of God!
ยอมเสียเวลา เพื่อมีเวลาที่มากขึ้น
ฉันเป็นคนที่ชอบทำสิ่งต่างๆอยู่ตลอดเวลา ตื่นเต้นกับการทำอะไรสักอย่างเสมอ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการหาเวลาว่างๆเพื่อนั่งลงและคิดใคร่ครวญ ฉันเชื่อว่าไอเดียที่ดีที่สุดของเรามักจะเกิดขึ้นใน “ช่วงหยุดงาน” ของเรา เมื่อเราเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย เพียงแค่ฟัง และออกห่างจากสิ่งรบกวนต่างๆ คุณเป็นไหมที่ความคิดดีๆมักจะเกิดขึ้นในเวลากำลังจะเข้านอน หรือเวลาอาบน้ำ เหมือนกับที่หมีพูห์พูดไว้ในหนังคริสโตเฟอร์ โรบิน ว่า “การไม่ทำอะไรเลยมักจะนำมาซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ดีมากๆ” มันอาจจะดูเหมือนเป็นการเสียเวลา แต่การหยุดทำงานนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ คุณเคยดูรายการหรือหนังที่ตัวละครติดอยู่บนเกาะร้างที่ห่างไกลสิ่งรบกวนต่างๆไหม? หลังจากหลายวันผ่านไป บางคนในพวกเขามักจะพูดว่า เขาอยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่แตกหักมาเป็นเวลานาน เมื่อเขาได้กลับไป บางคนตัดสินใจที่จะออกจากงานที่ทำให้รู้สึกอึดอัดเพื่อทำตามความฝันของตัวเอง และจริงๆแล้ว ในบางครั้งตัวละครแต่ละตัวต้องเผชิญกับตัวเขาเอง โดยไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเกาะร้าง คุณก็สามารถใช้เวลาเพื่อตัวคุณเองได้เหมือนกัน โดยการไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงเข้ามาเผชิญหน้ากับตัวเอง…และพระเจ้า สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ผ่านการใคร่ครวญพระคำของพระเจ้า…
และมีเวลาเช้า…
พระคัมภีร์มักจะใช้ตอนเช้าเพื่อทำให้เกิดความคิดเรื่องการกลับมาใหม่ ตำแหน่งของเวลาเช้าของแต่ละวันถือเป็นจุดสูงสุดเพราะว่ามันสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมดีๆหลายอย่าง โดยส่วนตัวแล้วฉันจะสามารถจดจ่อได้ดีในสิ่งที่ฉันทำในช่วงเริ่มของวัน นี่คือพระวจนะบางตอนเกี่ยวกับช่วงเวลาเช้า ทุกเช้าถือเป็นโอกาสให้เราในการฝึกฝนนิสัยและพฤติกรรมที่ดี ถ้าเราหาเวลาไม่ได้ในวันที่ตารางแน่นมากๆ ถือเป็นการดีที่เราตื่นเร็วขึ้นสักหนึ่งชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมงเพื่อ… วันนี้ขอให้คุณรู้ว่าเวลาที่คุณให้กับพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นของวัน ไม่ใช่เวลาที่เสียไป มันกลับเป็นช่วงที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทั้งวันที่เหลือของคุณ คุณจะต้องใช้เวลาในการเริ่มต้นใหม่และรับสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณ เช่น สันติสุข ความมั่นคง ความชื่นชมยินดี ความวางใจ และกำลัง เป็นต้น จงทำให้ทุกเช้าของคุณเป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับทั้งวันของคุณ ฉันอยากชวนคุณให้ได้รู้จักเพลงนี้ ขณะที่คุณฟังให้คุณจดจ่อความคิดของคุณที่พระเยซู และให้พระองค์เข้ามาสัมผัสใจของคุณ ขอให้ช่วงเวลานี้ให้พลังใหม่และเป็นพรต่อคุณ
เรียนรู้วิธี “ปฏิเสธ” เพื่อจะ “ตอบรับ” ดีขึ้น
สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรายากในการจัดการเวลา ไม่ใช่เพราะเราไม่อยากจัดการ แต่เป็นเพราะตารางเวลาที่แน่นเกินไปของเราต่างหาก มีศิษยาภิบาลคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เมื่อศัตรูไม่สามารถทำให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับคุณได้ มันจะทำให้คุณยุ่งแทน” คำพูดนี้กำลังทำให้คุณต้องหยุดคิดอยู่หรือเปล่า? หากคุณต้องการเรียนรู้การจัดการเวลาอย่างชาญฉลาด คุณสามารถเริ่มได้ด้วยการยึดความจริงนี้ไว้ให้มั่นคือ การที่คุณสามารถทำบางอย่างได้และดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีด้วยนั้น ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เมื่อมีคนขอให้คุณทำอะไรบางอย่าง นี่คือตัวอย่างง่ายๆที่คุณสามารถใช้พิจารณาได้ แทนที่จะพูดว่า “ฉันทำสิ่งนี้ได้ไหมนะ?” ให้เปลี่ยนเป็น “ฉันควรทำสิ่งนี้ไหมเมื่อพิจารณาถึง…?” ตัวอย่างเช่น… การจดจ่อหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันอาจจะดูเหมือนเป็นไปได้ และดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อจบวันนั้นแล้ว มันไม่เป็นประโยชน์เลย เราจะรู้สึกสูญเสียพลังงาน และรู้สึกท้อแท้ได้ ให้คุณจดจ่ออยู่กับบางสิ่งบางอย่างอย่างตั้งใจและสม่ำเสมอ แล้วคุณจะมั่นใจได้เลยว่าคุณจะทำออกมาได้ดีแน่นอน จงจำไว้ว่า… “เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” (มัทธิว…
การจัดการเวลาเป็นเรื่องการลำดับความสำคัญ
หากคุณต้องเขียนรายการสิ่งที่คุณใช้เวลาไปมากที่สุดในแต่ละวันของคุณ คุณจะนึกถึงอะไร คุณพอใจกับมันไหม หรือคุณจะเปลี่ยนแปลงบางอย่าง…หรือแม้กระทั่งตัดมันออกไป? บางครั้งคุณอาจจะพูดประมาณว่า… “ฉันอยากมีเวลามากขึ้นสำหรับครอบครัวของฉัน แต่ชีวิตฉันเต็มไปด้วยงาน ฉันอยากอ่านหนังสือมากขึ้น แต่ฉันขอสารภาพเลย ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย และการดูซีรี่ย์” ศิษยาภิบาลท่านหนึ่งเคยพูดว่า “ถ้าคุณรู้สึกผิดหวังอยู่เรื่อยๆ มีแนวโน้มว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ไม่สำคัญกับคุณมากขึ้น และทำสิ่งที่สำคัญจริงๆ น้อยลง” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อแต่ละวันจบลง เราได้ลงทุนเวลาของเราไปกับอะไรบางอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การงานของเรา ครอบครัวของเรา งานอดิเรกของเรา… “เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” (มัทธิว 6:21) ถ้าทรัพย์สมบัติของเราเป็นเวลา สิ่งที่เราลงทุนเวลาของเราไปนั่นแหละคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ เมื่อฉันใช้เวลากับครอบครัว…
เราจะจัดการเวลาของเราได้อย่างไร?
เวลาถือเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่ามากที่สุดของเรา เมื่อมันได้รับการจัดการอย่างชาญฉลาด มันจะสามารถกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากสำหรับชีวิตคู่ที่ดี ครอบครัวที่แน่นแฟ้น และการเติบโตขึ้นในความสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่เรากลับไม่ค่อยได้รับการสอนให้ใช้มันอย่างถูกต้อง มีครั้งหนึ่ง ผู้อ่านของ “อัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกวัน” บอกกับฉันว่า “ฉันรู้สึกผิดหวังที่ฉันไม่สามารถสละเวลาตอนเช้าที่จะอธิษฐานและฟังพระเจ้าก่อนเริ่มต้นวันของฉันได้ แม้มันจะไม่ได้กีดขวางฉันจากการพูดคุยกับพระเจ้า และการฟังเสียงพระเจ้าพูดกับฉันในแต่ละช่วงเวลาของวัน แต่ฉันอยากจะทุ่มเทเวลามากกว่านี้” แม้กระทั้งถึงตอนนี้ คุณก็อาจจะบอกกับตัวเองอยู่ว่า ฉันอยากจะหาเวลาอ่านพระคัมภีร์มากขึ้น ดูแลตัวเอง ใช้เวลาที่มีคุณค่ากับครอบครัวหรือเพื่อนมากขึ้น แต่เวลาในชีวิตของฉันมันเต็มไปหมดแล้วและทุกนาทีก็มีค่าสำหรับฉันมาก พระคัมภีร์บอกกับเราว่า “ขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้นับวันของตน เพื่อพวกข้าพระองค์จะมีจิตใจที่มีปัญญา” (สดุดี 90:12) ข่าวดีก็คือว่า เราสามารถเรียนรู้เรื่องการจัดการเวลาได้ มันไม่มีใครเก่งเรื่องนี้มาตั้งแต่เกิด หรือเป็นเรื่องสำหรับคนที่เก่งในการจัดการเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว…
คุณกำลังก้าวเข้าสู่ความสำเร็จ
เรามาสรุปซีรี่ย์ตลอด 7 วันของเรา ในเรื่องการเป็นคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญท่ามกลางการทดลองมากมายกันเถอะ “เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป” (โยชูวา 1:9) พระเจ้าต้องการอวยพรการงานที่คุณกำลังทำอยู่ ผู้ที่พระเจ้าโปรดปรานจะประสบความสำเร็จในทุกที่ที่เขาไปและในทุกสิ่งที่เขาทำ ในพระคำของพระเจ้าที่เราอ่านกล่าวว่า “มือของเจ้าจับงานอะไร ก็จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง …” (ปัญญาจารย์ 9:10) สำคัญมากที่เราจะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง เพราะเมื่อใครก็ตามเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้า แม้จะผิดทาง พระเจ้าก็สามารถนำทิศทางเราใหม่ได้ เมื่อเราเริ่มเคลื่อนไหว พระเจ้าทรงไปกับเราด้วย ใช่แล้ว ถ้าคุณกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ตามการทรงเรียกและภาระใจที่พระเจ้าให้กับคุณ จงทำต่อไป และพระหัตถ์ของพระเจ้าจะทรงนำคุณไปสู่แผนการของพระองค์ พระเจ้าทรงประทานพระสัญญาที่น่าอัศจรรย์มากแก่คุณ กล่าวว่า…“พระยาห์เวห์จะทรงบัญชาพระพรให้แก่ฉางของท่าน และทุกสิ่งที่มือท่านทำ…
พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคุณ
“เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป” (โยชูวา 1:9) จอห์น น๊อกซ์เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้ที่ดำเนินกับพระเจ้าถือเป็นชนกลุ่มใหญ่” หรือพูดอีกอย่างคือ ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา คุณก็ได้รับชัยชนะกลับมาแล้ว และพระคัมภีร์ก็บอกเช่นกันว่า “…ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเราได้?” (โรม 8:31) โยชูวาไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว เมื่อเขาต้องเอาชนะเยรีโค พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาเพื่อให้กลยุทธ์กับเขา และไม่ใช่เพียงกลยุทธ์เท่านั้น โดยพลังของการสรรเสริญกำแพงเมืองก็พังลง ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่รายล้อมคุณ และพวกเขามาโดยคำบัญชาจากพระเจ้า…เพื่อคุณ นี่คือข่าวดีที่ประเมินค่าไม่ได้ คุณไม่ได้โดดเดี่ยว พระเจ้าทรงปกป้องคุณอยู่ตลอดเวลา และโดยวิธีการเดียวกัน ทูตสวรรค์ปรากฏแก่กิเดโอน “ทูตของพระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่กิเดโอนตรัสกับเขาว่า “นักรบกล้าหาญเอ๋ย…
อย่าท้อใจไปเลย
เราจะมาดูด้วยกันต่อที่พระธรรม โยชูวา 1:9 เกี่ยวกับการเป็นคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญอย่างที่พระเจ้าปรารถนาให้เราเป็น “เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป” (โยชูวา 1:9) อับราฮัม ลินคอล์นเคยกล่าวว่า “อย่าปล่อยให้ความรู้สึกท้อแท้มาครอบงำคุณ และท้ายที่สุดคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน” บ่อยครั้งเราท้อแท้ใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา ซึ่งนั่นเป็นการสร้างความเสียหายให้กับเรามากที่สุด มีชายคนหนึ่งเขาเจอกับความขัดแย้งในที่ทำงานอย่างรุนแรง เขาเริ่มดื่ม และมันนำเขาไปสู่การเป็นโรคตับที่รุนแรงมาก และผลที่ตามมาของโรคร้ายนี้แย่ยิ่งกว่าปัญหาความขัดแย้งในที่ทำงานซะอีก การท้อแท้ใจเป็นเหมือนกับวงจรของปัญหา มันต่อชีวิตของมันไปเรื่อยๆ และไม่เคยช่วยแก้ปัญหาอะไรได้เลย โยชูวามีเหตุผลที่ดีมากที่จะท้อใจและกลัว ทั้งที่ที่จะไปก็ประเทศใหม่ ประชากรจำนวนมากที่ล้วนดื้อรั้น และศัตรูที่มีกำลังมากมาย แต่พระเจ้าบอกกับเขาว่า “อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจกลัว” ถ้าเจ้ามัวแต่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความท้อแท้ใจ ถ้าเจ้าล้มเลิกเมื่อสถานการณ์ตกต่ำลง…
อย่าครั่นคร้าม
“เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป” (โยชูวา 1:9) พระเจ้าทรงรู้ความรู้สึกของเรา และพระองค์รู้ว่าเราสามารถตกอยู่ในความกลัวหรือหลบซ่อนตัวอยู่ในความกลัวได้ เมื่อสิ่งที่พระองค์ทรงมีแผนการสำหรับเรานั้นดูเหมือนจะใหญ่เกินไปสำหรับเรา อย่าหาที่ลี้ภัยในความกลัวเลย แต่มาลี้ภัยในพระเจ้าเถอะ ความจริงแล้ว ความกลัวคือหนึ่งในผลแรกของความบาป และการแยกจากพระเจ้าของเราในพระคัมภีร์ “ชายนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็กลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย”” (ปฐมกาล 3:10) เทคนิคของมารคือการทำให้เรากลัว พระคัมภีร์บอกว่ามันเดินอยู่รอบๆเหมือนสิงโตคำราม เหมือนที่มันทำกับชายคนนี้ที่ได้รับของประทาน แต่กลับซ่อนมันไว้ด้วยความกลัว “ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูซิ นี่เงินของท่าน’” (มัทธิว 25:25) ดังนั้น เราจะมีชัยชนะเหนือความกลัวได้อย่างไร?…