Miracles

Home | Miracles | Page 39

The Bible is full of miracles that speak of a living God. He is the God that makes the impossible, possible! He makes all things work together for good. He wants to bless you! “A Miracle Every Day” will help you develop your faith and experience the presence and power of God!

ได้เวลาเปลี่ยนโฟกัสแล้ว

“จิตใจของข้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่? ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะยกย่องพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์ฝ่ออยู่ภายใน เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงระลึกถึงพระองค์ จากดินแดนแห่งแม่น้ำจอร์แดนและภูเขาเฮอร์โมน ตั้งแต่เนินมิซาร์” (สดุดี 42:5-6) ฉันอยากชวนคุณให้เปลี่ยนแปลงการตัดพ้อของคุณด้วยคำสรรเสริญด้วยกัน คุณคงถามว่า ทำไมล่ะ? ก็เพราะพระคำของพระเจ้าตรัสว่า… “ถึงอย่างไร พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ ผู้ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล” (สดุดี 22:3) “ข้าพเจ้าหวนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความหวัง  ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก”…

จงหวังในพระเจ้า

“จิตใจของข้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่? ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะยกย่องพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์ฝ่ออยู่ภายใน เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงระลึกถึงพระองค์ จากดินแดนแห่งแม่น้ำจอร์แดนและภูเขาเฮอร์โมน ตั้งแต่เนินมิซาร์” (สดุดี 42:5-6) ลองใช้เวลาสั้นๆในการสำรวจชีวิตของคุณทุกวันนี้ดูว่า คุณวางความหวังของคุณไว้ที่ไหน? ใครหรืออะไรที่คุณวางใจให้สามารถตอบสนองความจำเป็นของคุณได้? ฉันไม่รู้สถานการณ์ของคุณหรอกนะคะ แต่ฉันมั่นใจอย่างนึงว่า ในทุกสถานการณ์มันจะดีมากยิ่งกว่า ถ้าเราหวังใจในพระเจ้า พระเจ้าทรงรู้ว่าจะตอบแทนและให้รางวัลแก่ผู้ที่วางใจในพระองค์อย่างไร พระวจนะบอกกับเราว่า “แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะไม่เป็นที่พอพระทัยเลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้านั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์” (ฮีบรู 11:6)…

ทำไมคุณถึงกระวนกระวาย?

“จิตใจของข้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่? ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะยกย่องพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์ฝ่ออยู่ภายใน เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงระลึกถึงพระองค์ จากดินแดนแห่งแม่น้ำจอร์แดนและภูเขาเฮอร์โมน ตั้งแต่เนินมิซาร์” (สดุดี 42:5-6) บางทีคุณอาจจะเป็นเหมือนฉันก็ได้ ฉันมักจะชอบถามพระเจ้าว่า “ทำไม?”… ฉันเชื่อว่าคำถามที่เปิดเผยและจริงใจนี้ที่เราถามพระเจ้าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดอะไร เมื่อเราประสบกับความทุกข์ยาก เราก็คงอยากรู้เหตุผลว่าทำไม แต่บ่อยครั้ง พระเจ้าไม่ได้ตอบทุกคำถามกับเรา เราจึงแบกทุกคำถามเอาไว้ในใจในรูปแบบของความท้อแท้ใจ และความหดหู่ใจ ดาวิดได้เขียนพระธรรมตอนหนึ่งว่า “จิตใจของข้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่? ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะยกย่องพระองค์อีก…

ทำไมคุณยังคงท้อแท้ใจอยู่?

วันนี้เราจะเริ่มกันที่ชุดการอ่านที่มาจากพระธรรมสดุดี 42:5-6 เราจะมาดูด้วยกันว่าเราจะเผชิญหน้ากับความท้อแท้ใจได้อย่างไร รวมถึงกลยุทธ์ที่พระคัมภีร์ให้กับเราในการหลีกหนีความท้อแท้ใจนี้ “จิตใจของข้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่? ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะยกย่องพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์ฝ่ออยู่ภายใน เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงระลึกถึงพระองค์ จากดินแดนแห่งแม่น้ำจอร์แดนและภูเขาเฮอร์โมน ตั้งแต่เนินมิซาร์” (สดุดี 42:5-6) พระธรรมตอนนี้ยกคำถามที่สำคัญสำหรับฉันและพวกเราแต่ละคนมากว่า… “ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่?” ขอให้เราใช้เวลาสั้นๆด้วยกันเพื่อคิดและตอบคำถามนี้ดูนะคะ มันดีมากที่จะฟังความคิดของตัวคุณเอง ฉันเองก็ทำแบบนั้นประจำ แต่ขอให้คุณถอยหลังออกมาจากเหตุผลส่วนตัวมากมายของคุณ และถามตัวเองว่า ทำไมฉันถึงคิดอย่างนี้? นี่เป็นความคิดที่ถูกต้องใช่ไหม?  พระคัมภีร์บอกกับเราว่า “ท่านทั้งหลายจงคิดถึงพระองค์ผู้ทรงยอมทนต่อการคัดค้านของคนบาป เพื่อท่านจะไม่อ่อนล้าและไม่ท้อใจ”…

พระเจ้าทรงจัดเตรียมอาหารประจำวันให้คุณ

เพราะพระเจ้าทรงรักเราอย่างมาก พระประสงค์ของพระองค์คือ ให้เราพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์  เมื่อพระเยซูทรงสอนสาวกของพระองค์เรื่องการอธิษฐาน พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราตรัสว่า “ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ทุกๆ วัน” (ลูกา 11:3) คำแนะนำนี้พระองค์ให้ไว้ตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้ว ซึ่งยังคงอยู่และยังใช้การได้อยู่เช่นเคย อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องกินอาหาร (ฝ่ายวิญญาณ) ที่เหลือจากเมื่อวานนะคะ เพราะพระเยซูทรงมีอาหารที่สดใหม่สำหรับคุณในวันนี้ ซึ่งเป็นอาหารที่จะทำให้จิตวิญญาณของคุณสดชื่นและมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่มีต่อคุณเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆสำหรับทุกเวลา และทุกสถานการณ์ของคุณ พระเจ้าจะมีทางออกที่สดใหม่และสมบูรณ์แบบเสมอสำหรับปัญหาต่างๆ ถ้าคุณเปิดใจ พระองค์ก็จะตรัสกับคุณอีกครั้งในวันนี้  คุณจะได้ค้นพบ “มานา” ของพระองค์ ผ่านสถานการณ์ ผ่านบทสนทนา หรือผ่านบางอย่างที่คุณอ่าน ขอให้คุณได้รับการหนุนใจ…

สูตรสำหรับความชื่นชมยินดี

คุณเคยมักจะมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่เกิดผลในชีวิตไหม? จิตใจของคุณมักจะถูกชักจูงไปด้วยสิ่งต่างๆที่ไม่ราบรื่นในชีวิตคุณ ซึ่งมันจะส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคุณ จากนั้นความคิดของคุณก็จะเต็มไปด้วยความเครียด และความกลัวที่ไม่ส่งผลดีอะไรเลยต่อคุณ และมันก็จะแย่งชิงความชื่นชมยินดีไปจากคุณ โดยส่วนตัวบางครั้งฉันก็ชอบใคร่ครวญเกี่ยวกับความเจ็บปวดของฉัน หรือคิดเกี่ยวกับงานการมากมายที่ฉันต้องทำ จากนั้นฉันก็จบลงด้วยความรู้สึกท้อแท้ใจ แต่วันนี้ ฉันอยากจะแบ่งปันกับคุณถึง “กุญแจสำคัญ” สำหรับฉันที่ช่วยปกป้องหัวใจของฉันจากความกระวนกระวาย และนำความชื่นชมยินดีมาสู่ฉัน กุญแจดังกล่าวถูกสรุปไว้ในพระธรรมตอนนี้คือ “พระยาห์เวห์ทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เราจึงมีความยินดี” (สดุดี 126:3) พระเจ้าทรงกระทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อเราแล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันเลือกมอง ฉันมองไปยังทุกอย่างที่ถูกต้อง ฉันเห็นว่าตัวเองยังคงมีชีวิตอยู่และมีร่างกายที่สามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเดิน กระโดด นั่งลง หรือวิ่ง ฉันได้รับของประทานที่สามารถทำสิ่งดีมากมายรอบตัวฉัน และนั่นทำให้หัวใจของฉันถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งดีๆ…

เป็นไปไม่ได้ที่จะทำจิตใจให้ว่างเปล่า

คุณเคยพยายามทำสมองให้โล่งไม่ต้องคิดอะไรไหม? ในความเป็นจริงแล้ว มันยากมาก เพราะเรามักจะคิดถึงบางเรื่องเสมอ เมื่อเราต้องการ “ทำจิตใจให้ว่างเปล่า” มักจะเป็นเพราะเรากำลังเครียด วิตกกังวล คิดโน่นคิดนี่มามากเกินไปแล้ว แต่ปัญหาคือว่า ธรรมชาติมักจะเกลียดความว่างเปล่า หรือพูดอีกอย่างคือ สมองของคุณต้องการอะไรสักอย่างมาเติมเต็มเสมอ …คำถามคือ อะไรล่ะที่จะมาเติมเต็มความคิดของคุณ? พระคัมภีร์สั่งไว้ชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง” (ฟีลิปปี 4:8) ดังนั้น การจะทำให้ความคิดแง่ลบ…

เหวี่ยงความคิดแง่ลบของคุณ ออกไปจากบัลลังก์ชีวิต

“ฉันนี่ ไม่ฉลาดเอาซะเลย…” “แล้วถ้าฉันไม่ดีขึ้นล่ะ?” “ฉันกลัวความล้มเหลวจัง” “ฉันจะต้องขัดสนไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ความคิดแง่ลบจะเป็นตัวกัดกินคุณ มันจะกัดกินความชื่นชมยินดีและสันติสุขของคุณ มันจะกัดกินสุขภาพของคุณเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ของคุณด้วย และถ้าคุณไม่ทำอะไรเลยกับมัน มันก็จะวางรากฐานมั่นคง และทำลายชีวิตของคุณ แต่คุณวางใจเถอะเรื่องนี้มีทางออก คุณสามารถทำลายอำนาจของความคิดเหล่านี้ได้ พระคัมภีร์หนุนใจคุณว่า “ให้คุณทำลายความเย่อหยิ่ง” และ “นำทุกความคิดเข้าสู่การเชื่อฟังพระคริสต์”  “และ (ทำลาย) ความเย่อหยิ่งทุกรูปแบบที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และจะยึดกุมความคิดทุกประการให้มาเชื่อฟังพระคริสต์” (2 โครินธ์ 10:5) คุณทำอย่างไร เมื่อความคิดแง่ลบเกิดขึ้นและตั้งรกรากในใจของคุณ? คุณจะปล่อยให้ตัวเองเป็นเหยื่อหรือเปล่า? หรือคุณจะกลั่นกรองความคิดเหล่านี้ผ่านพระคำของพระเจ้าและน้ำพระทัยที่พระองค์มีสำหรับคุณ? ให้คุณรู้ไว้ว่า…

ลืมสิ่งที่กล่าวโทษคุณ…

คุณเคยพยายามวิ่งมาราธอน พร้อมกับแบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักถึง 35 กิโลไปด้วยไหม? ต้องไม่เคยแน่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะมันไม่ง่ายเลย พระคัมภีร์บอกว่า… ภาระหนักสามารถทำให้การวิ่งแข่งของคุณค่อยๆช้าลงได้ การวิ่งแข่งอะไรกัน? ก็การวิ่งแข่งในชีวิตของคุณเพื่อพระเจ้ายังไงล่ะ ภาระหนักที่สุดอันหนึ่ง ที่เราหลายคนแบกอยู่ในขณะที่เรากำลังวิ่งแข่งเพื่อพระเจ้าก็คือสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกฟ้องผิดของเรานั่นเอง มันคือน้ำหนักของความบาปและอดีตต่างๆของเรา คุณคิดว่าเป็นตัวคุณเองหรือเปล่าที่กักขังคุณไว้ในความรู้สึกผิดและการกล่าวโทษต่างๆ? พระคัมภีร์ 2 ตอนนี้บอกไว้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้: พระเจ้าจะไม่กล่าวโทษคุณในสิ่งที่คุณทำ ตราบใดที่คุณขอการอภัยจากพระองค์และใช้ชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยพระองค์ หน้าที่ของคุณคือ การวิ่งและลืมสิ่งที่ผ่านพ้น หรือพูดอีกอย่างคือ อย่าปล่อยให้คำกล่าวโทษต่างๆ (ความผิดพลาดของคุณ ความล้มเหลวของคุณ หรืออดีตของคุณ) อยู่ในจิตใจของคุณ เพราะพระเจ้าไม่ทรงจดจำสิ่งเหล่านี้เลย (1ยอห์น1:9,…