The Bible is full of miracles that speak of a living God. He is the God that makes the impossible, possible! He makes all things work together for good. He wants to bless you! “A Miracle Every Day” will help you develop your faith and experience the presence and power of God!
เราเป็นพระเจ้าของเจ้า…!
พระบิดาในสวรรค์ของคุณทรงหนุนใจคุณในวันนี้ว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” (อิสยาห์ 41:10) พระเจ้าผู้ทรงใหญ่ยิ่งนั้น ทรงยอมรับสภาพมนุษย์เพื่อลงมาหาเรา พระเจ้าก็คือพระเจ้า ทรงฤทธานุภาพ ทรงเป็นนิรันดร์ และทรงเป็นพระผู้สร้าง สิ่งที่สูงที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ก็ไม่สามารถรองรับพระองค์ไว้ได้ แต่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่นี้กลับกลายมาเป็นมนุษย์ ในสภาพบุคคลคือพระเยซู พระองค์ทรงรักษาโรค ทรงหนุนใจผู้ที่ใจแตกสลาย ทรงอยู่เพื่อคนที่ไม่เหลือใคร วันนี้ พระเจ้าทรงเข้ามาใกล้คุณ และตรัสความจริงกับคุณว่า… “เราเป็นพระเจ้าของเจ้า ไม่ใช่เพียงแค่ว่า เราเป็นพระเจ้า แต่เราเป็นพระเจ้าของเจ้าฟังสิ ลูกของเรา…
อะไรควรค่าแก่ความกังวลของคุณ?
“อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” (อิสยาห์ 41:10) ความกังวลเป็นธรรมชาติของมนุษย์ วันหนึ่งพระเยซูตรัสกับมาธาว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวายและร้อนใจหลายอย่างเหลือเกิน” (ลูกา 10:41) หลายครั้งเราก็เป็นเหมือนมาธา เรากระวนกระวายและร้อนใจเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่าง เรากดดันตัวเองให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในขณะที่พระเยซูทรงอยู่ที่นั่น ในบ้านของเรา ในพระธรรมตอนนี้ เรื่องเดียวที่อยู่ในความคิดของมาธาคือ การเป็นเจ้าบ้านที่สมบูรณ์แบบให้กับแขกของเธอ แต่สิ่งที่มาธาหลงลืมไปคือ จอมเจ้านายและเจ้าของบ้านตัวจริงซึ่งเป็นผู้เดียวที่สามารถตอบสนองความต้องการของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบก็คือ พระองค์ผู้ซึ่งเป็นแขกของเธอนั่นเอง เรื่องนี้สอดคล้องกับชีวิตของคุณและของฉันในทุกวันนี้ยังไงบ้างคะ? อย่ามัวแต่จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำให้เราเคร่งเครียดเกินไป แต่ให้จดจ่อที่พระเยซูผู้ซึ่งกระทำการอัศจรรย์มากมาย…
“เราอยู่” กับเจ้า
“อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” (อิสยาห์ 41:10) คุณเคยเงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์และพูดว่า “พระเจ้า พระองค์ทรงอยู่ที่ไหน ตอนที่…?” ฉันเชื่อว่าพระเจ้าไม่กลัวที่เราจะตั้งคำถามกับพระองค์ด้วยใจที่ซื่อตรงและตั้งตารอรับคำตอบ และฉันยังเชื่ออีกว่าเราสามารถหาคำตอบทุกอย่างได้จากพระคำของพระองค์ รวมถึงจะได้พบเหตุผลที่ทำให้เราต้องเผชิญกับคำถามเหล่านี้ด้วย เมื่อต้องประสบกับเหตุการณ์แบบนั้นหลายต่อหลายครั้ง และในช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต สิ่งนึงที่ฉันมั่นใจอย่างแน่นอนก็คือ พระเจ้าทรงอยู่กับฉัน พระเจ้าทรงอยู่กับคุณเช่นนะคะ และพระองค์ทรงเป็นอยู่เพื่อคุณ (ดูในพระธรรม โรม 8:31-34) ขอพระคำของพระเจ้าจะเสริมกำลังคุณ ปลอบประโลมคุณ และทำให้คุณมั่นใจในความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อคุณในวันนี้นะคะ คุณคือการอัศจรรย์
“อย่ากลัวเลย”
ฉันเชื่อว่าเรากำลังจะมีสัปดาห์ที่น่าตื่นเต้นด้วยกัน เพราะเรากำลังจะเริ่มเรียนรู้ชุดบทความเกี่ยวกับชัยชนะด้วยกันค่ะ ฉันอธิษฐานว่าวันนี้และวันที่จะมาถึงนี้ คุณจะค้นพบและเข้าใจอีกครั้งว่าพระเจ้าทรงอยู่กับคุณและกำลังเสริมกำลังคุณอยู่ ข้อพระคัมภีร์หลักที่เราจะเรียนรู้ด้วยกันในสัปดาห์นี้คือ “อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” (อิสยาห์ 41:10) “อย่ากลัวเลย”…บางครั้งเรามีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าความกลัวนั้นปกป้องเรา มันก็จริงที่ว่าความกลัวสามารถเป็นตัวบ่งชึ้ถึงอันตรายที่ดีได้…แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าบางครั้งความกลัวของคุณก็มาจากอะไรที่ไม่สมเหตุผลเท่าไหร่นัก แทนที่จะเป็นตัวปกป้องเราจากอันตราย ความกลัวกลับกลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางคุณไม่ให้คุณไปถึงเป้าหมายของคุณแทน? วันนี้ภายในใจของคุณอาจจะมีความกลัวบางอย่างอยู่ แต่ความจริงหนึ่งที่แน่นอนคือ พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางช่วยเหลือใดๆในการเผชิญกับความกลัวเหล่านั้น จากที่เราเห็นในพระคัมภีร์กล่าวว่า “อาวุธทุกชนิดที่ทำขึ้นเพื่อต่อสู้เจ้าจะไม่ชนะ และเจ้าจะพิสูจน์ว่าลิ้นทุกลิ้นที่ลุกขึ้นต่อสู้เจ้าในการพิพากษานั้นชั่วร้าย นี่คือมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ และการให้ความยุติธรรมต่อพวกเขานั้นมาจากเรา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ” (อิสยาห์ 54:17) ในพระคำของพระเจ้า…
ขอบคุณพระเจ้าที่มีคุณอยู่
ขณะที่ฉันใคร่ครวญถึงวิธีการต่างๆในการแสดงออกถึงการขอบพระคุณ ฉันจึงตัดสินใจที่จะเขียนข้อความนี้ขึ้นมาในคำหนุนใจประจำวันของฉัน คือคำพูดที่ว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่มีคุณอยู่” ฉันเชื่ออย่างสุดใจในคุณค่าแห่งการหนุนน้ำใจ และฉันเชื่ออย่างแรงกล้าว่าเรากำลังอยู่ในสังคมที่มักจะโน้มเอียงไปทางการมองเห็นเพียงจุดอ่อนมากกว่าจุดแข็ง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมวันนี้ฉันจึงอยากพูดว่า คุณเก่งมาก เก่งมากในทุกสิ่งที่คุณทำอยู่ เก่งมากในสิ่งที่คุณเป็น และเก่งมากๆในสิ่งที่คุณกำลังจะเป็นในพระคริสต์ ขอบคุณพระเจ้าที่มีคุณอยู่…! ในพระธรรมกิจการ เราได้เห็นว่าบรรดาสาวกรับใช้ซึ่งกันและกันโดยพลังแห่งการหนุนน้ำใจ “เมื่ออ่านแล้วต่างก็มีความชื่นชมยินดีในคำหนุนใจนั้น ยูดาสกับสิลาสเป็นผู้เผยพระวจนะด้วย จึงกล่าวคำหนุนใจพี่น้องหลายประการและช่วยให้มีกำลังใจ” (กิจการ 15:31-32) ใครบ้างที่คุณสามารถบอกกับเขาได้ว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่มีคุณอยู่” ในวันนี้ เพื่อนพี่น้องของคุณหรือเปล่า? เรามีความสามารถในการเปลี่ยนทัศนคติของสังคมนี้ด้วยกันได้ เราสามารถหล่อหลอมโลกนี้ด้วยวัฒนธรรมใหม่ได้ นั่นคือในแผ่นดินของพระเจ้า ทุกสิ่งเป็นไปได้ ทุกคนเป็นที่รักและมีคุณค่า ท่ามกลางความวุ่นวายของในแต่ละวัน ใครบ้างที่คุณควรจะหนุนใจเขา?…
ขอบคุณพระเจ้า…สำหรับทุกสิ่งที่ฉันมีอยู่
ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้านี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะใช้เวลาสักพักเพื่อทำอะไรให้ช้าลงและระลึกว่าเราควรขอบคุณพระเจ้ามากแค่ไหน สำหรับคุณแล้ว ความมั่งคั่งที่คุณพอใจคืออะไรกันแน่? สิ่งของ หรือทรัพย์สินหรือเปล่า หรือความสัมพันธ์กับพระเจ้า ความสงบสุขของคุณ และมิตรภาพที่ดีกับคนอื่นๆ? การเปรียบเทียบเป็นตัวทำลายความพึงพอใจ บ่อยครั้งเรามักจะลืมว่าอะไรคือสิ่งที่มีค่าที่แท้จริง แล้วไปเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เราไม่มีและสิ่งที่เราอยากได้แทน พระคัมภีร์กล่าวว่า “อันที่จริง การอยู่ในทางพระเจ้าพร้อมกับมีความพอใจก็เป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกเช่นไร เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้เช่นกัน ถ้ามีอาหารและเสื้อผ้า เราก็ควรพอใจในสิ่งเหล่านั้น” (1 ทิโมธี 6:6-8) การพึงพอใจและการสำนึกในพระคุณถือเป็นค่านิยมพื้นฐานสองประการในแผ่นดินของพระเจ้าที่สำคัญมากต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ในขณะที่พระเจ้าปรารถนาจะเติมเต็มความต้องการของเรา เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะพึงพอใจกับสิ่งที่เรามีในทุกวันนี้ ฉันอยากหนุนใจคุณที่จะขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้คุณแล้ว จงจำไว้ว่า…“ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา ที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า โดยการรู้จักพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกเราด้วยพระสิริและคุณธรรมของพระองค์เอง”…
ฝึกฝนทัศนคติแห่งความรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ
เมื่อสิ่งต่าง ๆ เข้ามารบกวนและทำให้รู้สึกรำคาญใจ คุณทำอย่างไร? สำหรับฉัน เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ฉันเลือกการระลึกถึงพระคุณมากกว่า “เรื่องการจัดการกับความคิด” พยายามตัดสินใจที่จะขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งดีทุกสิ่งที่พระเจ้าให้เกิดขึ้น แทนการพร่ำบ่น บางทีลูก หรือคู่สมรสของคุณอาจไม่ทำตามที่คุณต้องการ และทำให้คุณหงุดหงิดใจ แต่แน่นอนว่ามีบางสิ่งในตัวพวกเขาที่คุณชื่นชม จงขอบคุณในสิ่งดีเหล่านั้น อย่ามุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่กวนใจและสิ่งที่ทำให้คุณไม่พอใจเท่านั้น เมื่อเราอยู่ในความรู้สึกที่ซาบซึ้งต่อพระคุณทุกวันในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้กับเรา พระเจ้าจะทรงทวีคูณสิ่งเหล่านั้น อย่างเช่น การได้มีครอบครัวที่น่ารัก พระเยซูพระองค์เองทรงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าก่อนที่ขนมปังเหล่านี้จะถูกทวีคูณเป็นจำนวนมาก การอัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อเรารู้ว่าจะสำนึกในพระคุณได้อย่างไร ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้เราเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยความซาบซึ้งในพระคุณ ทำมันให้เป็นวิถีชีวิต เริ่มต้นและให้แต่ละวันจบลงด้วยความซาบซึ้งใจ อย่าปล่อยให้ความหงุดหงิดใจมีอิทธิพลต่อทัศนคติของคุณ “เพราะฉะนั้น ในเมื่อพวกท่านรับพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าไว้แล้ว ก็จงดำเนินชีวิตในพระองค์ด้วย…
ผู้บริสุทธิ์สมควรถูกตัดสินว่าผิดหรือ?
ในความเห็นของคุณ ความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้คืออะไร? สำหรับฉัน ฉันคิดว่ามันคือการที่ผู้บริสุทธิ์ถูกตัดสินให้มีความผิด ลองจินตนาการดูนะคะ… สถานการณ์เหล่านี้คือสิ่งที่พระเยซูเคยเผชิญ ผู้บริสุทธิ์ กลับถูกกล่าวหาว่ามีความผิด ผู้ไร้ซึ่งตำหนิ กลับถูกปฏิบัติเสมือนเป็นผู้ก่อการร้ายที่ทำผิดบาปมานับไม่ถ้วน สิ่งเหล่านี้ถูกสรุปไว้ในพระธรรมนี้ที่บอกว่า “พระเจ้าทรงทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์” (2 โครินธ์ 5:21) แม้ว่าพระองค์จะสมบูรณ์แบบ พระเยซูทรงยอมให้พระองค์เองมีบาป เนื่องด้วยความรักที่มีต่อคุณ พระองค์ไม่ได้เป็น “คนบาป” เพราะพระองค์ไม่เคยมีบาปทั้งในด้านการกระทำและความคิด แต่ในความจริงที่เกิดขึ้น พระองค์เองยอมมี “บาป” เพื่อปลดปล่อยและอภัยบาปคุณ คุณรู้จักความรักใดที่ยิ่งใหญ่กว่าความของพระเยซูไหม? ด้วยความรักที่ทรงมีต่อคุณ พระองค์ทรงยินดีที่จะทำทุกอย่างบนกางเขนแทนคุณ…
มอบทุกสิ่งแด่พระเยซู
คุณกล้าที่จะเปิดเผยทุกสิ่งของคุณต่อพระเจ้าหรือไม่? มันคล้ายกับการรับมือกับสิ่งที่ยากในชีวิต และวางมันไว้ให้ถูกที่คือ ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ซึ่งมาจากท่าทีที่ว่าพระองค์ทรงสามารถและต้องการกระทำการแทนคุณด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ พระคัมภีร์เปิดเผยให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งผ่านทางพระเยซูและเพื่อพระเยซู “เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์” (โคโลสี 1:16) เหมือนในพระคำของพระเจ้า เป็นพระเยซูที่ทรงเป็นผู้สร้างจักรวาลและทุกสิ่งภายใต้จักรวาลนี้ และทุกสิ่งก็เป็นเพื่อพระองค์ เพื่อพระสิริของพระองค์ ทุกสิ่งจึงดำรงอยู่ เช่นกัน คุณอยู่ได้โดยพระองค์ คุณต้องการพระองค์ พระองค์ทรงเป็นอาหารประจำวันของคุณ (อ่านยอห์น 6:51) พระองค์ทรงจัดเตรียมทุกสิ่งเพื่อความต้องการฝ่ายวิญญาณของคุณ และเช่นเดียวกันคุณสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ได้ จงมอบเวลาของคุณ…