Miracles

Home | Miracles | Page 34

The Bible is full of miracles that speak of a living God. He is the God that makes the impossible, possible! He makes all things work together for good. He wants to bless you! “A Miracle Every Day” will help you develop your faith and experience the presence and power of God!

คุณคือ ลูกของพระองค์!

เราได้เห็นความสำคัญของการสรรเสริญ การนมัสการ และการใช้เวลากับพระเจ้ามาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา มันสำคัญมากที่คุณจะรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าของคุณอย่างสม่ำเสมอบ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันเหมือนการหายใจ…ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ การสรรเสริญก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตคริสเตียน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า ใจที่คุณมีต่อพระเจ้านั้นจะการแสดงออกมาเป็นคำสรรเสริญของคุณ..ส่วนพระทัยของพระองค์ที่มีต่อคุณสำแดงออกมาผ่านการที่พระองค์ทรงสร้างคุณให้เป็นลูกของพระองค์ เหมือนที่เราอ่านในพระคำของพระองค์กล่าวว่า “ลองคิดดู พระบิดาได้ประทานความรักแก่เราเพียงไรที่เราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า …” (‭‭1 ยอห์น‬ ‭3‬:‭1)‬‬ ฉันอยากจะทิ้งท้ายข้อความวันนี้ด้วยเนื้อเพลงจาก W501 ที่จะช่วยย้ำเตือนคุณว่า พระเจ้าทรงรักคุณ คุณคือแก้วตาดวงใจของพระองค์ และคุณสามารถเข้ามาพักสงบในอ้อมพระหัตถ์อันแสนอบอุ่นของพระองค์ได้ ทรงเรียกข้าว่าบุตรที่รักและทรงชำระล้างบาปมากมายให้ข้าได้เข้าพบพระพักตร์ชิดใกล้โอบกอดข้าด้วยอ้อมแขนอุ่นใจแม้คนทั้งโลกหันหลังไปแต่พระองค์ทรงเดินเข้ามาทำให้ชีวิตมีคุณค่าแม้ไม่มีใครที่เข้าใจแต่พระองค์มองที่ข้างในและทำให้ข้าได้รู้ว่า ข้าเป็นแก้วตาดวงใจและข้าพ้นทาสเป็นไทพระองค์สร้างข้าขึ้นใหม่ด้วยรักไม่มีเงื่อนไขข้าจึงขอมอบชีวีติดตามด้วยใจซื่อตรงถวายทุกสิ่งที่มีถวายหมดทั้งชีวิตอยู่เพื่อสรรเสริญพระองค์ทรงเฝ้าถนอมดวงใจเติมความหวังขึ้นใหม่เยียวยารักษาใจไม่เคยทอดทิ้งไปทรงเฝ้ามองทุกเวลาไม่เคยละสายตาในความรัก ข้าได้พบ ได้รู้ว่า (แก้วตาดวงใจ) ฉันอยากท้าทายคุณที่จะเริ่มต้นและจบแต่ละวันของคุณด้วยการสรรเสริญและนมัสการพระเจ้า ให้พระเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางในชีวิตของคุณ รับการอวยพร การฟื้นฟู…

มา…รับเอาไป…!

วันนี้ ฉันขอเชิญชวนคุณที่จะสำรวจข้อความด้านล่างนี้ไปด้วยกัน (อีกครั้ง) ฉันอธิษฐานว่าสิ่งนี้จะเป็นพระพรต่อคุณ  พระเจ้าทรงรักคุณอย่างมากและทรงต้องการให้คุณเข้าใกล้พระทัยของพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน ขอให้คุณมั่นใจในสิ่งนี้เถอะ นี่คือสิ่งที่พระองค์ปรารถนาจะตรัสกับคุณ… “ช้าลงหน่อย นั่งลงกับเราสักพักเราเห็นว่า เจ้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำให้เสร็จในวันนี้แต่…ใช้เวลาสักครู่กับเรา ที่นี่ ตอนนี้เราเห็นถึงความปรารถนาของเจ้าที่จะทำให้เราพอใจและรู้จักเรามากขึ้นความหิวกระหายนี้คือ การที่เจ้าต้องฟังเสียงของเรา และเข้าใจเรามากขึ้น…ทุกคำถามของเจ้าจะพบคำตอบในเราแต่ว่า เจ้าจะได้ยินเสียงของเราได้อย่างไรในท่ามกลางความว้าวุ่นใจ? ท่ามกลางของเสียงที่วุ่นวาย? หรือในกิจกรรมที่เคลื่อนไปอย่างรวดเร็วเหล่านี้?ช้าลงหน่อย…หยุดสักพักนึง…อย่าปล่อยให้ความกระวนกระวายกดขี่เจ้า…อย่าปล่อยให้ความกลัวแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของเจ้า..ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเงิน…ไม่ต้องกลัวถึงวันพรุ่งนี้…มาเถอะนั่งลงกับเราสักพักและฟังเสียงของเรา ปล่อยให้ตัวเจ้าเองได้รับกำลังใจและการฟื้นฟูรับเอาชีวิตของเราไปรับเอาสันติสุขของเราไปรับเอาความชื่นชมยินดีของเราต้อนรับ…เราเราอยู่ตรงนี้เพื่อเจ้า” หวังว่าบทเพลงนี้จะช่วยให้คุณได้หยุดนิ่งสักพักในการทรงสถิตของพระเจ้า พระบิดาของคุณ คุณคือการอัศจรรย์

มอบความทุกข์ยากลำบากของคุณให้กับพระเจ้า

คุณเคยรู้สึกเหมือนตัวเองถูกล่ามโซ่ไว้เพราะความกังวัล จมอยู่ภายใต้ความกดดันต่างๆในชีวิต มันท่วมท้นชีวิตของคุณจนไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าคุณจะทำสิ่งต่างๆสำเร็จได้ไหมคะ? การสรรเสริญสามารถปลดปล่อยคุณจากพันธการเหล่านี้ที่กำลังทำให้คุณแทบจะหายใจไม่ออก และสามารถทำให้คุณกลับมาหายใจอีกครั้งได้ เพราะว่าศูนย์กลางของคุณจะอยู่ที่พระองค์แทนที่จะสนใจสิ่งที่กำลังบีบคั้นคุณอยู่ การสรรเสริญพระเจ้าจะช่วยเบนสายตาของคุณจากความกระวนกระวายมามองที่พระเจ้าแทน เมื่อคุณประกาศว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ขนาดไหนนั้น ในเวลาเดียวกันคุณกำลังบอกว่าความกระวนกระวายของคุณเล็กมากเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า การสรรเสริญจะหนุนใจคุณให้คุณวางทุกอย่างไว้ที่พระเจ้า และจดจ่ออยู่ที่พระองค์มากกว่าปัญหาของคุณ จิตใจของคุณจะไม่ถูกข่มเหงอีกต่อไป และมันจะได้รับการปลดปล่อย การที่พระเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้สรรเสริญนั้นเป็นเสรีภาพภายในที่พระเยซูได้จัดเตรียมไว้สำหรับเรา ในพระคัมภีร์บอกว่า “ทั้งสร้างผลของริมฝีปาก สันติภาพ สันติภาพแก่คนไกลและแก่คนใกล้ และเราจะรักษาเขาให้หาย” พระยาห์เวห์ตรัส” (‭‭อิสยาห์‬ ‭57‬:‭19) ฉะนั้น การสรรเสริญไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่ประสบกับสิ่งที่ดีเท่านั้น ไม่ว่าใจของคุณจะอยู่ในสภาพใด หรือคุณจะอยู่ในฤดูกาลใดในชีวิต ฉันอยากท้าทายคุณที่จะมอบความทุกข์ยากลำบากทั้งสิ้นของคุณให้กับพระเจ้า แม้ว่าคุณจะยังไม่มีใจปรารถนาที่จะสรรเสริญพระเจ้าก็ตาม คุณคือการอัศจรรย์

การสรรเสริญที่ปลดปล่อย

คุณเคยพูดกับตัวเองไหมว่าบาดแผลที่คุณมีอยู่มันลึกมากเกินกว่าที่รักษาได้? อดีตของคุณมันเลวร้ายมากจนไม่มีสิ่งใดสามารถเยียวยาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับคุณได้? มีความหวังสำหรับคุณอยู่นะคะ… พระเจ้าทรงประทานอาวุธที่ทรงพลังแก่คุณเพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ นั่นคือ…การสรรเสริญ เมื่อคุณสรรเสริญพระเจ้า คุณกำลังปลดปล่อยตัวเองออกมาต่อพระเจ้า คุณแสดงออกถึงความรักที่มีต่อพระองค์ โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับสิ่งใดกลับคืนมา มันเป็นเวลาของการเข้าส่วนและใกล้ชิดอย่างเข้มข้นซึ่งอนุญาตให้คุณเข้าไปสู่การทรงสถิตของพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ พระวจนะในพระธรรมยากอบ 4:8 บอกว่า  “พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน…”‬‬ การทรงสถิตของพระเจ้า… ผ่านการสรรเสริญ การรับรู้เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าของคุณจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ การวางใจในพระเจ้าของคุณจะเติบโตขึ้น ความรักของคุณที่มีต่อพระเจ้าจะเข้ามาแทนที่ความรู้สึกแง่ลบและบาดแผลต่างๆของคุณ ดังนั้น การสรรเสริญนั้นสามารถเยียวยาคุณจากภายในได้อย่างแท้จริงและปลดปล่อยคุณจากความอับอายทั้งสิ้น การสรรเสริญจะให้กำลังกับคุณในการออกมาจากวัฏจักรอันเลวร้ายของการตัดพ้อ ความเศร้าโศก และความไม่พึงพอใจ เพื่อก้าวเข้าสู่ความชื่นชมยินดี หวังว่าคุณจะได้รับการสัมผัสผ่านบทเพลงนมัสการอันงดงามนี้นะคะ  “พระองค์ทรงสมควร” มาอธิษฐานด้วยกันนะคะ “พระเจ้า…

ผลแรกของการสรรเสริญคือ…

สัปดาห์นี้ของเรายังคงอยู่ในเรื่องการนมัสการจากหนังสือของ Grégory Turpin (Petit guide pour une vie transformée – คำแนะนำสั้นๆในการเปลี่ยนแปลงชีวิต)  พี่น้องที่รักคุณคงรู้ว่าดีว่า พื้นฐานของพระวจนะจากพระเยซูก็คือ “การรักซึ่งกันและกัน” แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องยากนะที่จะรักคนอื่น และจริงๆแล้วคุณรักพวกเขาอย่างจริงใจแค่ไหน? เมื่อฉันนมัสการพระเจ้า มันเหมือนกับฉันกำลังประกาศถึงความรักที่ฉันมีต่อพระองค์ ฉันบอกกับพระองค์ว่าทำไมฉันถึงรักพระองค์ สายตาของฉันจับจ้องที่พระองค์ หัวใจของฉันหันมาหาพระองค์ และยิ่งฉันใช้เวลากับพระองค์มากขึ้นเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้… หนึ่งในผลแรกของการสรรเสริญก็คือการได้รับเอาพระทัยของพระองค์มาเป็นของเรา ซึ่งจะทำให้เราเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นๆได้ เพราะมันจะนำเราให้รักเหมือนที่พระเจ้ารัก…รักแบบไม่มองแค่ตัวเอง คุณจะเรียนรู้ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงควรรักคนอื่นมากกว่าที่จะวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา คุณจะเห็นโลกด้วยสายตาที่เป็นแง่บวกมากขึ้น ในพระคัมภีร์บอกว่า “ถ้าท่านรักกันและกัน…

ยาต้านอาการซึมเศร้าที่ทรงพลังที่สุด

วันนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างคะ? คุณกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นบาน? หรือกำลังโศกเศร้าอยู่? ถ้าเช้านี้ของคุณเป็นไปได้สวย การสรรเสริญพระเจ้าก็จะยิ่งเพิ่มความชื่นชมยินดีให้กับคุณ แต่ถ้าคุณกำลังรู้สึกเศร้าเสียใจอยู่ การสรรเสริญพระเจ้าจะยิ่งเป็นยาต้านอาการซึมเศร้าที่ทรงพลังมากที่สุดสำหรับคุณ ลองมองเข้าไปท่ามกลางทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแย่ๆ มันยังมีเหตุผลอีกมากมายที่จะชื่นชมยินดีได้ ทั้งในสิ่งเล็กๆน้อยๆ และสิ่งใหญ่ๆด้วย  Grégory Turpin ได้แบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจมากในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า “Petit guide pour une vie transformée” (คำแนะนำสั้นๆในการเปลี่ยนแปลงชีวิต) ช่วงเช้าตรู่ของวันหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งของเขากำลังอยู่บนรถไฟในกรุงปารีส ผู้โดยสารแต่ละคนดูเหมือนกำลังจมอยู่ในความกังวลใจของพวกเขา พวกเขาหลีกเลี่ยงที่จะปฏิสัมพันธ์กับผู้โดยสารคนอื่น สักพักคนขับรถก็ประกาศว่า “สวัสดียามเช้าครับ ท่านสุภาพบุรูษและสุภาพสตรีทุกท่าน ผมอยากจะรวมยินดีไปด้วยกันกับพวกคุณเพราะว่าตอนนี้การเดินทางของเราอยู่ในเวลาที่กำหนดไว้ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในเช้านี้…

จงนมัสการโดยไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะมองคุณอย่างไร

ในสัปดาห์นี้ ฉันอยากชวนคุณเข้าร่วมในการเดินทางแห่งการสรรเสริญพระเจ้าด้วยกันนะคะ เนื้อหานี้ฉันได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือของ Grégory Turpin ชื่อว่า “คำแนะนำสั้นๆในการเปลี่ยนแปลงชีวิต” คุณเคยยืนอยู่ท่ามกลางการทรงสถิตของพระเจ้าและต้องประหลาดใจกับความยิ่งใหญ่ ฤทธิ์เดช และความรักของพระองค์ไหม? เมื่อใจของคุณอยู่ในท่าทีของการพินิจพิจารณาและประหลาดใจอยู่ นั่นแหละคือท่าทีของการสรรเสริญ อย่างไรก็ตามการสรรเสริญไม่ใช่เพียงสิ่งที่อยู่ภายในเท่านั้น..ยังเป็นสิ่งที่สามารถแสดงออกให้เห็นได้ชัดเจนถึงความรักของเราที่มีต่อพระเจ้า ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ฉันมักชอบแสดงออกมาเป็นการร้องเพลงและอธิษฐานออกเสียง แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะนมัสการพระเจ้าได้อย่างเต็มที่ เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ ในการสรรเสริญพระเจ้า มันเป็นมิติของการละทิ้งและความอ่อนแอ คือการเปิดเผยตัวคุณเองออกมาในแบบที่คุณเป็นต่อพระพักตร์พระเจ้าและแสดงออกการนมัสการของคุณอย่างจริงใจ และโดยรวมแล้วมันต้องมีเสรีภาพ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในท่าทีที่สะดวกสบายหรือเป็นธรรมชาติเรียบง่ายเสมอไป แต่ด้วยความรักต่อพระเจ้า คุณสามารถเอาชนะความกลัวและความไม่สบายใจต่างๆได้ หากคุณมีความรู้สึกนั้นอยู่ พระคำของพระเจ้าเชิญชวนเราครั้งแล้วครั้งเล่าคุณให้นมัสการพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระธรรมสดุดี 149:1 กล่าวว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์…

กำลังของคุณจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณเดิน!

วันนี้ เราจะสิ้นสุดการเรียนรู้ด้วยกันในพระธรรมอิสยาห์แล้วนะคะ ฉันเชื่ออย่างสุดใจว่าสัปดาห์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะเหนือความเหนื่อยล้าของคุณ “พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย” (‭‭อิสยาห์‬ ‭40‬:‭29‬-‭31) ชีวิตคริสเตียนคือการเดินแบบวันต่อวัน แต่บางครั้ง เราก็ถูกทำให้หยุดเดิน…ด้วยการทดลอง ความเจ็บป่วย การถูกปฏิเสธ ข่าวร้าย สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนต้องการจะหยุดคุณทำให้ตายลงในการเดินทางของคุณ  วันหนึ่ง พระเยซูพบผู้ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่ข้างสระน้ำที่เบธไซดา… ชีวิตของเขาเหมือนกับหยุดนิ่ง และสูญเปล่ามาเป็นเวลานาน พระเยซูเห็นเขานอนอยู่ตรงนั้นและทรงรู้ว่าเขาป่วยมานานแล้ว พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ท่านอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?” คนป่วยคนนั้นทูลตอบพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า…

คุณชนะการแข่งขันแล้ว

“พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย” (อิสยาห์‬ ‭40‬:‭29‬-‭31) ชีวิตค่อนข้างจะเหมือนกับการวิ่งแข่ง เพียงแค่ว่า…การวิ่งแข่งในชีวิตนี้สามารถทำให้คุณหมดแรง และพาคุณไปสู่การหมดไฟได้ เพื่อจะชนะการวิ่งแข่งในหนทางชีวิตนี้ คุณต้องมองไปที่พระเยซูผู้ที่จะประทานกำลังให้คุณเพื่อเดินหน้าต่อไปได้  นี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์บอกกับเรา “เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา โดยจับตามองที่พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์ พระองค์ทรงสู้ทนต่อกางเขน เพื่อความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ ทรงถือว่าความอับอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญ และพระองค์ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า” ‭‭(ฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬-‭2‬) เมื่อเราย้ายสายตาของเรามามองที่พระองค์…