The Bible is full of miracles that speak of a living God. He is the God that makes the impossible, possible! He makes all things work together for good. He wants to bless you! “A Miracle Every Day” will help you develop your faith and experience the presence and power of God!
คุณกำลังเผชิญหน้ากับทางตันอยู่หรือไม่?
มันทำให้สับสนอย่างมากเมื่อคุณกำลังเจอประตูที่ปิดอยู่ ถึงแม้คุณคิดว่าคุณอยู่ในทางที่ถูกแล้วใช่ไหม? “ทำไมพระเจ้าถึงให้สิ่งนี้เกิดขึ้น? ทำไมพระองค์นำฉันมาไกลขนาดนี้ ทั้งที่สุดท้ายแล้วไม่มีทางออกสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย?” ฉันเคยถามตัวเองด้วยคำถามนี้เหมือนกัน ผู้นำนมัสการท่านหนึ่งแบ่งปันประสบการณ์ของเธอว่า… “หลังจากที่ฉันได้เดินทางไปรอบโลกด้วยเครื่องบิน เพื่อที่จะไปสอนนักเรียนขององค์กรคริสเตียนชื่อวายแวม (Youth with A Mission) ฉันได้เปิดใจต่อหน้าพวกเขา แบ่งปันความจริงที่สำคัญกับพวกเขาด้วยน้ำตาไหล ตอนบ่ายวันหนึ่ง ฉันนั่งอยู่ริมทะเลที่ฮาวาย มันฟังดูดีมาก แต่ฉันกลับร้องไห้ เหนื่อย ท้อ และผิดหวัง ทำไมดูเหมือนสิ่งที่ฉันแบ่งปันกับนักเรียนที่นั่น ไม่ได้เป็นประโยชน์กับพวกเขาเลย? ในตอนเช้า เพื่อนฉันคนหนึ่งส่งข้อความมาหาฉันว่า… “อย่าพยายามทำคนเดียว” ใช่แล้ว ทำพูดนั้นทำให้ฉันได้ให้พระเจ้าเข้ามาเป็นส่วนร่วมในบทเรียน และขอให้พระองค์ทรงนำฉันในสิ่งที่ฉันกำลังพูด…
ใช้เวลาของคุณสำหรับการรอคอยนี้
วันนี้คุณกำลังกังวลสำหรับสิ่งที่อยู่ในอนาคตอยู่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นฉันมีความยินดีที่จะเตือนคุณถึงความจริงในวันนี้ มีสิ่งที่เราสามารถทำได้เสมอ เมื่อความกังวลกำลังมีอิทธิพลเหนือเรามากเกินไป แต่เราอาจจะละเลยไป เพราะเราคิดว่าเราสามารถควบคุมมันได้ด้วยตัวเอง วันนี้ฉันอยากจะแนะนำคุณ ให้ใช้เวลาของคุณสำหรับเรื่องนี้ ในพระธรรมสดุดีอธิบายว่า “ใจของข้าเอ๋ย พระองค์ตรัสกับเจ้าว่า “จงแสวงหาหน้าของเรา” ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์“ (สดุดี 27:8) นี่เป็นคำแนะนำที่สำคัญที่สุดที่ฉันจะสามารถให้คุณได้ในวันนี้ นำทุกสิ่งที่หนักหน่วงอยู่ในหัวใจคุณ มาจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงทราบว่าวันนี้และวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร และพระองค์ทรงหวังดีต่อคุณ และขอให้คุณพูดออกมาดังๆด้วยความเชื่อ ผ่านข้อพระคัมภีร์ที่เขียนว่า “ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะเห็นความดีของพระยาห์เวห์ ในแผ่นดินของคนเป็น” (สดุดี 27:13) ฉันเองก็กำลังเรียนรู้ที่จะเข้ามาต่อพระพักตร์พระเจ้า ด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง…
อธิษฐานและวางใจในพระเจ้า
คุณเป็นคนประเภทที่อยากให้ทุกอย่างได้รับการแก้ไขในทันทีไหม? ในพระวจนะของพระเจ้าบอกเราว่า “จงรอคอยพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็ง และให้จิตใจของท่านกล้าหาญเถิด เออ จงรอคอยพระยาห์เวห์” (สดุดี 27:14) พระคัมภีร์บางฉบับในภาษาอังกฤษแปลคำว่า “จงรอคอยพระยาห์เวห์” ด้วยคำว่า “จงหวังในพระเจ้า” ดูเหมือนจะง่ายกว่าการรอคอย เพราะไม่มีใครในเราทั้งหลายชอบรอ แต่จริงๆแล้ว ความหวังหมายความว่าอย่างไรกันแน่? ตามพจนานุกรมการมีความหวังหมายถึง “มีความปรารถนาอย่างมีความหวัง” คุณกำลังหวังอะไรอยู่ในขณะนี้? เมื่อเราให้ความหวังใจในพระเจ้ามาก่อนเป็นอันดับแรก การหวังถึงความฝันหรือความปรารถนาอื่นๆ จะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ และเป็นไปได้อย่างแท้จริง จงทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ และวางที่เหลือไว้กับพระเจ้า โดยวางใจและคาดหวังในพระลักษณะ และน้ำพระทัยของพระองค์ที่มีต่อเรา คุณได้เข้ามาหาพระเจ้าด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่หรือเปล่า? คุณได้วางใจในพระเจ้าสำหรับความช่วยเหลือ…
รอคอยการอัศจรรย์
ทุกวันฉันมักจะชอบอ่านคำหนุนใจที่เขียนด้วยพระวจนะ เมื่อฉันต้องการคำหนุนใจ ฉันอธิษฐานถามพระเจ้าว่า พระองค์อยากตรัสอะไรกับฉันผ่านข้อความเหล่านี้ เวลาที่ฉันมีความกังวล ความกังวลเหล่านี้มักพยายามฉุดรั้งชีวิตของฉัน แต่พระวจนะของพระเจ้าที่ฉันได้อ่าน ช่วยให้ความกล้าหาญใหม่แก่ฉัน “แต่ข้าพระองค์ได้วางใจในความรักมั่นคงของพระองค์ ใจของข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์ในการช่วยกู้ของพระองค์ข้าพเจ้า จะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงดีต่อข้าพเจ้า” (สดุดี 13:5-6) จากคำแบ่งปันของผู้นำนมัสการท่านหนึ่ง ที่ได้รับการวินิจฉัยเรื่องการมองเห็นของเธอนั้น เธอเล่าว่า “หลังจากการวินิจฉัย ฉันได้มองเห็นว่าพระเจ้าได้สัมผัสฉันแบบพิเศษ หมอบอกฉันว่าฉันไม่สามารถขับรถได้ในวันนั้น และบังเอิญเพื่อนบ้านของฉัน ก็มีเวลามารับฉันได้ที่คลินิก ตอนเย็นขณะที่ฉันกำลังซื้อของอยู่ ฉันเจอเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งที่อาสาขับรถไปส่งฉันที่บ้าน” บางครั้งเราก็มองไม่เห็นในสิ่งที่เราควรเห็น เพราะเรามัวแต่มองในสิ่งที่เป็นมาในอดีต ในขณะที่เรารอการอัศจรรย์ ฉันเชื่อว่าพระเจ้าต้องการสำแดงให้ฉันเห็นว่า พระเจ้าทรงอยู่กับฉันเสมอ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้สัมผัสการอัศจรรย์ก็ตาม…
มายอมรับความจริงกันเถอะ
วันนี้เรามายอมรับความจริงแบบเต็มที่กันเถอะ ปกติแล้ว ฉันจะเขียนถึงการอัศจรรย์ที่เคยเกิดขึ้นกับผู้เชื่อมากมาย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้มีประสบการณ์แบบนั้นด้วย ฉันมี “พื้นที่ที่กำลังอยู่ในช่วงการก่อสร้าง” ในชีวิตของฉัน และฉันจงใจเรียกแบบนั้น เพราะมันหมายความว่า งานของพระเจ้ายังไม่ “สำเร็จ” ในตัวฉัน คุณคงเคยเห็นถนนที่สร้างไม่เสร็จสักที ซึ่งแถวบ้านฉันเป็นแบบนั้น คนขับรถส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับการจราจรที่ติดขัด ฉันเชื่อว่าคุณเองก็เคยติดอยู่ในเขตก่อสร้างในบางช่วงเวลาของชีวิต แม้ชีวิตจะดำเนินไป แต่ก็เหมือนการอยู่นิ่งๆ ไม่ไปไหน ดังนั้น ขอให้คุณรอ ถ้าสถานการณ์นี้คือชีวิตของคุณในเวลานี้ ฉันอยากจะให้ความมั่นใจกับคุณว่า คุณสามารถไว้วางใจพระเจ้าได้ว่าทุกสิ่งจะเกิดผลดีในที่สุด ( อ่านเพิ่มเติมในพระธรรม โรม 8:28) วันนี้ฉันขอแชร์เรื่องสั้นๆนี้กับคุณ? ผู้นำนมัสการท่านหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่า…
คิดใคร่ครวญให้ดีก่อน
ฉันรอด้วยความหวัง ที่จะได้รับเชิงเทียนอันสวยงามที่ฉันสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ แต่น่าเสียดายที่เชิงเทียนที่ได้มามันเอียง ฉันจึงไม่สามารถเอาเทียนตั้งได้ ดังนั้นฉันจึงเขียนไปหาผู้ขาย และได้รับคำตอบที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เขาตอบฉันด้วยความโกรธในช่วงแรก ฉันอยากตอบด้วยน้ำเสียงเดียวกันกลับไป และเขียนรีวิวที่แย่ๆใน ร้านของเขา แต่เสียงอันแผ่วเบาของพระเจ้าบอกให้ฉันรอ… ฉันมีความรู้สึกว่าพระเจ้าต้องการบอกบางอย่างกับฉัน แต่พระองค์ไม่ได้ทรงตรัสอะไรในทันที ซึ่งฉันต้องตัดสินใจที่จะตอบสนองทันที ว่าจะปฏิเสธพระประสงค์ของพระเจ้าหรือมานอนใคร่ครวญดูก่อน ในระหว่างคืนนั้น ฉันก็ได้รับคำตอบว่า… คนที่ทำให้ฉันโกรธ ฉันไม่รู้จักแต่พระเจ้ารู้จักเขา และพระองค์ก็รักเขา รักมากด้วยเช่นเดียวกับที่พระองค์รักฉัน สิ่งนั้นทำให้ฉันต้องเปลี่ยนใจที่จะตอบโต้เขา “ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ไม่ใช่ที่เรารักพระเจ้า แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา” (1 ยอห์น 4:10) ความรักของพระเจ้าเป็นของขวัญที่เราทุกคนไม่สมควรจะได้รับ…
“การรอคอยพระเจ้า” หมายความว่าอย่างไรกันแน่?
คุณเคยมีงานต้องทำมากมาย จนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มต้นตรงจุดไหนไหม? มีหลายสิ่งที่ต้องทำแต่กลับมีเวลาเพียงเล็กน้อย ฉันเคยรู้สึกอย่างนี้เช่นกัน มันค่อนข้างเครียดมาก หลายครั้งที่ฉันต้องกัดฟันและพูดกับตัวเองว่า “เอาเถอะ ไปให้สุด อดนอนสักหน่อย เดี๋ยวมันก็เสร็จ” ยังไงทุกอย่างก็จะต้องเสร็จทันเวลาในที่สุด แต่ฉันกลับเหนื่อยมาก จนเหมือนฉันได้ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายของฉันไปหมดแล้ว แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มันไม่ได้เกิดขึ้นอีก เพราะฉันได้เรียนรู้ที่จะเลือก ที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ที่แตกต่างไป ซึ่งการเลือกนั้นมีเพียงเราที่ทำได้ อิสยาห์ได้กล่าวว่า “…ตั้งแต่โบราณมา ไม่มีใครเคยได้ยิน หรือได้รับทราบด้วยหู หรือได้เห็นพระเจ้าสักองค์ด้วยตานอกเหนือพระองค์ ผู้ทรงทำการเพื่อผู้รอคอยพระองค์” (อิสยาห์ 64:4) ไม่มีใครเหมือนพระเจ้าของเรา ไม่มีใครทำได้หรือจะช่วยคุณ ในสถานการณ์ที่เกินจะรับได้เหมือนพระองค์ พระวจนะนี้ยังสะท้อนว่าสิ่งที่สำคัญคือ “รอคอยพระองค์”…
พระเจ้าเคยทำให้คุณประหลาดใจไหม?
คุณรู้ไหมว่า แม้แต่ซาตานก็ต้องจำนนต่อคุณและผม? ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในชีวิตของคุณนั้นน่าทึ่งมาก พระองค์ต้องการให้ของขวัญมากมายแก่คุณ ของขวัญเหล่านี้มอบให้กับทุกคนที่ขอ และเป็นของที่ได้รับโดยไม่ต้องจ่ายราคา คุณเคยมีประสบการณ์ได้รับของประทานฝ่ายพระวิญญาณหรือไม่ หากคุณต้องการการอัศจรรย์ ของขวัญก็มีพร้อมแล้ว หากท่านต้องการถ้อยคำแห่งปัญญาหรือความรู้ ของประทานก็จะอยู่ที่นั่น หากคุณเคยต้องการสติปัญญา ของประทานก็จะอยู่ที่นั่น ของประทานแห่งพระวิญญาณมีให้เราทุกวัน เราแค่ต้องเชื่อ เชื่อฟัง และขอให้สวรรค์ลงมาโลกผ่านทางเรา 1 โครินธ์ 12:4-7 สัญญาไว้ทั้งหมดว่า “ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน การปรนนิบัติมีต่างๆ กัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน กิจกรรมมีต่างๆ กัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมทั้งหมดในทุกคน…
คุณคิดอย่างไรกับวันฮาโลวีน?
คุณคิดและรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับวันฮาโลวีน? มันเป็นค่ำคืนที่สนุกที่ได้แต่งตัวเป็นฮีโร่ หรือค่ำคืนอันมืดมนแห่งเวทมนตร์และไสยศาสตร์? มันเป็นค่ำคืนที่ออกไปเที่ยวกับเด็กๆ หรือเป็นคืนที่จิตวิญญาณมืดมนที่สุดของปี? ในอดีต “วันฮัลโลวีน” เป็นคืนแห่งความมืดและความชั่วร้าย ก่อนถึงวันศักดิ์สิทธิ์ทางความเชื่อ เมื่อเวลาผ่านไป ค่ำคืนนี้ได้กลายเป็นคืนแห่งการแต่งกายและขนมมากมาย ผู้คนหลายล้านคนในสหรัฐอเมริกาออกมาเดินขบวนบนถนน โดยไม่รู้ว่าต้นกำเนิดอันมืดมนของประเพณีนี้มาจากไหน ผมเชื่อว่า สังคมของเราประเมินพลังแห่งความมืด และผลกระทบที่มีต่อลูกหลานของเราต่ำไป คุณเคยสังเกตเห็นภาพยนตร์สยองขวัญ และธีมที่น่ากลัวที่ใช้เฉลิมฉลองในวันฮาโลวีนหรือไม่? พระคัมภีร์อธิบายว่า “เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน” (เอเฟซัส 6:12) ในฐานะที่ปรึกษา ผมไม่เชื่อว่าการที่จิตใจของเด็กมุ่งความสนใจไปที่ความกลัว การฆาตกรรม ไสยศาสตร์…