เมื่อวานเราได้ดูสามก้าวแรกบนแผนที่สู่จุดหมายที่เรียกว่า ความพอใจ วันนี้เราจะดูสองก้าวสุดท้าย ซึ่งเน้นที่พระพรที่มาจากการนำหลักการเหล่านี้ไปปฏิบัติ ถ้าคุณพลาดข้อความเมื่อวาน ผมขอแนะนำให้กลับไปอ่านก่อนที่จะอ่านต่อ คุณพร้อมเดินทางต่อหรือยัง? มาเริ่มกันเลย
แผนที่นำทางที่ 4 ส่งต่อความดี “คนใจกว้างจะได้รับพระพร เพราะเขาแบ่งปันอาหารของเขาแก่คนจน” (สุภาษิต 22:9)
ตอนที่ลอเรลกับผมเริ่มทำพันธกิจ เราไม่ได้มีรายได้มากนัก หลังหักภาษีแล้ว เราก็ยิ่งเหลือน้อยลงไปอีก ในช่วงปีแรกๆนั้น มีสมาชิกครอบครัวหลายคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และเราต้องเดินทางไปเยี่ยมบ่อยๆ ทำให้เงินค่อนข้างฝืด ผมจำได้ว่าคืนหนึ่ง ขณะเตรียมรถสำหรับเดินทางอีกครั้ง ผมรู้สึกกังวลว่าจะมีเงินค่าน้ำมันพอไหม ผมอธิษฐานว่า “พระเจ้า มันยากที่จะขับรถโดยไม่มีน้ำมัน” ผมเข้าไปหยิบกระเป๋าอีกใบ และเมื่อกลับมา ผมพบซองสีขาวเล็กๆ ที่หน้าประตู ข้างในมีเงินพอดีกับที่เราต้องใช้กลับบ้าน ผมได้เรียนรู้ว่า พระเจ้าทรงรู้ความต้องการของเรา และน้ำใจของใครบางคนเปลี่ยนทุกอย่างสำหรับเรา
แผนที่นำทางที่ 5 เลือกความซื่อสัตย์เสมอ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้อารักขาที่เราไม่ค่อยพูดถึง แต่สำคัญมาก ในสมัยของโซโลมอน ธุรกิจขึ้นอยู่กับการค้าขาย พ่อค้าจะใช้ตาชั่งชั่งสินค้า เช่น เครื่องเทศ ทองคำ และเงิน บางคนโกงตาชั่งให้อ่านค่าผิด พระคัมภีร์บอกเราว่าพระเจ้าทรงเกลียดชังความไม่ซื่อสัตย์ทางการเงิน หรือ “ตาชั่งที่โกง” ความซื่อสัตย์สำคัญมากสำหรับพระเจ้า
เมื่อเราสำรวจวิธีที่เราจัดการทรัพยากรของเรา พระเจ้าจะเริ่มหล่อหลอมอุปนิสัยของเรา เมื่อเราทำตามวิถีของพระองค์ พระองค์จะบ่มเพาะความปรารถนาที่จะพอใจ มีใจกว้าง และซื่อสัตย์ในตัวเรา เมื่อเราจัดการมันได้ดี พระองค์ก็ไว้วางใจเรามากขึ้น และมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินเสมอไป พระเจ้าอาจมอบความเป็นผู้นำ มอบอำนาจ หรือแม้แต่ใช้เรื่องราวของเรา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น เหมือนที่พระองค์ทำกับโซโลมอน ทั้งหมดนี้เพราะเราเปิดใจ และจัดการสิ่งที่พระองค์ให้มาอย่างฉลาด
ผมจะทิ้งท้ายด้วยแง่คิดจากพระธรรมลูกาที่ว่า “ดังนั้นถ้าพวกท่านยังไม่ซื่อสัตย์ในเงินทองอธรรมแล้ว ใครจะมอบของเที่ยงแท้ให้แก่ท่าน?” (ลูกา 16:11)
คุณคือการอัศจรรย์
ขอบคุณคำหนุนใจจากอาจารย์แกรนท์ ฟิชบุ๊ค