การอธิษฐานเป็นเวลาที่สวยงาม ในการพัฒนาทัศนคติในการแสดงความขอบคุณ วันขอบคุณพระเจ้าไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เราทุกคนต่างมีความวิตกกังวล เครียด โกรธ และหวาดกลัว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก เราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์ แต่พระคัมภีร์สอนเราว่า “อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ” (ฟิลิปปี 4:6)
คุณรู้สึกว่ามันยากไหมที่จะ “กังวลโดยไม่มีสาเหตุอะไรเลย” ผมเป็นนะครับ
เรามาถอดรหัสหลักการนี้กันสักหน่อย เพื่อเราจะนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของเราได้
ความวิตกกังวลเป็นเรื่องปกติ แต่เราสามารถกำจัดมันได้ การวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันบอกเราว่า ความวิตกกังวลสามารถทำลายสุขภาพทางอารมณ์ จิตวิญญาณ และความสัมพันธ์ของคุณได้
การอธิษฐานถือเป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นด้วยข้อความประมาณนี้ “พระเจ้า ตอนนี้ ลูกกังวลเรื่องลูกๆมากจริงๆ โปรดขจัดความวิตกกังวล และช่วยให้ลูกดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อและสันติสุขได้” การขอบคุณพระเจ้าเป็นสิ่งที่ควรเพิ่มเข้าไปในคำอธิษฐาน เพราะถือว่าเป็นท่าทีที่มีพลังอย่างมาก โดยคุณควรกล่าวว่า “พระเจ้า ลูกขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบคำอธิษฐานของลูก” ท่าทีนี้คือการสำแดงความเชื่อเป็นการกระทำ”
จงให้พระเจ้าทรงทราบถึงความปรารถนาของคุณ ขอให้คุณเข้ามาทูลขอจากพระเจ้า พระองค์ทรงรักคุณและทรงห่วงใยทุกความกังวลของคุณ
แม่ของผมอายุครบ 100 ปีในวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่าน และผมถือว่าการมีอายุยืนยาวของเธอเป็นผลมาจากคำอธิษฐานของหลานๆ และนิสัยของเธอในการอธิษฐาน ผมไม่มีวันลืมรายการเล็กๆ น้อยๆ บนเศษกระดาษในกระเป๋าเงินของเธอ แต่ละครั้งที่มีการตอบคำอธิษฐาน เธอจะทำเครื่องหมายว่าตอบแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งทรงพลังมาก
คุณได้เขียนคำอธิษฐานของคุณไว้หรือไม่? ขอให้คุณสังเกตพระสัญญาในข้อนี้ “แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์” (ฟิลิปปี 4:7)
ความวิตกกังวล + การอธิษฐาน + การขอบคุณพระเจ้า + การทูลขอ = สันติสุข
คุณอยากอธิษฐานกับผมไหม? “พระบิดา ลูกรักพระองค์ และลูกอดไม่ได้ที่จะบอกตามตรงว่าลูกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตของลูก การเงิน และครอบครัวของลูก โปรดตอบคำขอของลูกด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไง ลูกขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบของพระองค์ เอเมน”
คุณคือการอัศจรรย์
ขอบคุณคำหนุนใจจาก พอล มาร์ค กูเลต์