คุณเคยสงสัยในพระเจ้าไหม?

คุณเคยมีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าแบบนี้บ้างไหม?…“พระองค์ทรงได้ยินคำอธิษฐานของลูกไหม? ทำไมพระองค์ทรงปล่อยให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัวของลูก? ทำไมพระองค์ไม่ทรงประทานงานนั้นให้ลูก? ทำไมลูกยังไม่เจอคู่พระพรอีก?” เป็นต้น

พระเจ้าทรงประเสริฐ และไม่ทรงปรารถนาที่จะกลับพระทัยของพระองค์ หรือเล่นๆกับเรา แล้วทำไมบางครั้งเราถึงมีความคิดแบบนั้น?

มีบางช่วงเวลา… ที่การเดินบนทางแห่งความเชื่อของเราเป็นเรื่องง่าย และมีบางช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับพายุรุนแรง ช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ แม้เราจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับธรรมชาติของพระเจ้า ซึ่งนั่นก็คือ…ความรัก

พระคัมภีร์กล่าวว่า “ฉะนั้นเราจึงรู้ และวางใจในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงอยู่ในคนนั้น” (1 ยอห์น 4:16)

แน่นอน เรามีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง ถามคำถามกับพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของเรา คำถามหรือความสงสัยของเราเหล่านี้ ไม่มีทางจะทำให้พระองค์หวั่นไหวหรือตกใจเลย

พระเจ้าไม่ใช่ผู้ริเริ่มความทุกข์และความเจ็บปวดของคุณ ตรงกันข้าม…

ไม่ว่าสภาพหัวใจของคุณจะเป็นอย่างไร อย่าแยกตัวออกจากพระบิดา พระเจ้าทรงทำพันธสัญญาแห่งพระคุณ ความหวัง และความรักกับคุณ ลูกของพระองค์ อย่าห่างเหินจากพระองค์ในวันนี้ แต่ให้กลับไปแสวงหาความหวานชื่นในทรงสถิตของพระองค์

คุณอยากจะอธิษฐานกับฉันไหม?… “พระบิดา ขอบพระคุณที่ทรงมีแผนการที่ดีสำหรับลูก ไม่ใช่แผนการร้าย ขอบพระคุณที่ทรงประทานอนาคตและความหวังแก่ลูก ขอบพระคุณที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระคุณของพระองค์ก็ทรงสวมทับลูก ถึงลูกจะไม่เข้าใจทุกสิ่งก็ตาม พระองค์ก็ทรงเป็นพระบิดาที่ดีสำหรับลูกเสมอ เอเมน”

คุณคือการอัศจรรย์

คำพยานชีวิต

“วันนั้นเป็นวันที่ผมเล่น TikTok ครับ ก็ดูคลิปไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปเจอคลิปเกี่ยวกับพระเยซู ศาสนาคริสต์ คือผมก็รู้จักพระเยซูอยู่ประมาณนึงนะครับจากการเรียนที่โรงเรียน ผมก็เลื่อนไปแล้วก็เจออีกครับ ทีนี้ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างมาดลบันดาลใจให้อยู่ดูจนจบคลิป พอจบผมก็เกิดความสงสัยครับเลยไปค้นหาดูในเน็ตตามเว็บไซต์ต่างๆ เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ พอผมค้นหาข้อมูลไปได้สักพัก ผมก็อดเกิดสงสัยไม่ได้นะครับว่าทำไมพระผู้เจ้าพระองค์ทรงรักมนุษ์มากจัง อีกทั้งความรักของพระองค์ทรงยิ่งใหญ่แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน หลังจากผมได้ค้นไปนานเข้านานเข้าผมก็หายสงสัยเลยครับ เพราะพระองค์นั้นทรงรักมนุษย์มาก ถึงขั้นที่ประทานพระบุตรคนเดียวของพระองค์นั้นก็คือพระเยซูลงมาประสูติเพื่อที่จะไถ่บาปให้มวลมนุษยชาติ ผมขอบอกเลยนะครับว่าข้อมูลที่ได้เรียนมาในโรงเรียนค่อนข้างที่จะแตกต่างกับสิ่งที่ผมค้นหามามากๆ แต่ก่อนผมเคยคิดนะครับว่าพระเยซูก็คล้ายๆ กันกับบุคคลในศาสนาอื่นๆ แต่สำหรับผมแล้วพระเยซูเป็นมากกว่านั้นครับ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงเปรียบเสมือนพระบิดาของผม พระองค์ทรงไม่เคยปล่อยให้ลูกๆ ของพระองค์ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตามลำพัง พอได้รู้จักมากขึ้นและยอมรับว่าผมนั้นเป็นคนบาปและพระเยซูนั้นทรงไถ่บาปให้ผมแล้วผ่านทางความเชื่อ ผมก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นนะครับ อาจจะไม่ได้มากนักแต่ผมก็พยายามที่จะอธิฐานขอให้พระองค์ทรงช่วยผมตลอดเวลา ทำให้ขีวิตนี้ผมไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไปครับ”

คุณนนท์