Miracles

Home | Miracles | Page 44

The Bible is full of miracles that speak of a living God. He is the God that makes the impossible, possible! He makes all things work together for good. He wants to bless you! “A Miracle Every Day” will help you develop your faith and experience the presence and power of God!

สูตรสำหรับความชื่นชมยินดี

คุณเคยมักจะมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่เกิดผลในชีวิตไหม? จิตใจของคุณมักจะถูกชักจูงไปด้วยสิ่งต่างๆที่ไม่ราบรื่นในชีวิตคุณ ซึ่งมันจะส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคุณ จากนั้นความคิดของคุณก็จะเต็มไปด้วยความเครียด และความกลัวที่ไม่ส่งผลดีอะไรเลยต่อคุณ และมันก็จะแย่งชิงความชื่นชมยินดีไปจากคุณ โดยส่วนตัวบางครั้งฉันก็ชอบใคร่ครวญเกี่ยวกับความเจ็บปวดของฉัน หรือคิดเกี่ยวกับงานการมากมายที่ฉันต้องทำ จากนั้นฉันก็จบลงด้วยความรู้สึกท้อแท้ใจ แต่วันนี้ ฉันอยากจะแบ่งปันกับคุณถึง “กุญแจสำคัญ” สำหรับฉันที่ช่วยปกป้องหัวใจของฉันจากความกระวนกระวาย และนำความชื่นชมยินดีมาสู่ฉัน กุญแจดังกล่าวถูกสรุปไว้ในพระธรรมตอนนี้คือ “พระยาห์เวห์ทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เราจึงมีความยินดี” (สดุดี 126:3) พระเจ้าทรงกระทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อเราแล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันเลือกมอง ฉันมองไปยังทุกอย่างที่ถูกต้อง ฉันเห็นว่าตัวเองยังคงมีชีวิตอยู่และมีร่างกายที่สามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเดิน กระโดด นั่งลง หรือวิ่ง ฉันได้รับของประทานที่สามารถทำสิ่งดีมากมายรอบตัวฉัน และนั่นทำให้หัวใจของฉันถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งดีๆ…

ทำไมการทำจิตใจให้ว่างเปล่าจึงเป็นเรื่องยาก?

คุณเคยพยายามทำสมองให้โล่งไม่ต้องคิดอะไรไหม? ในความเป็นจริงแล้ว มันยากมาก เพราะเรามักจะคิดถึงบางเรื่องเสมอ เมื่อเราต้องการ “ทำจิตใจให้ว่างเปล่า” มักจะเป็นเพราะเรากำลังเครียด วิตกกังวล คิดโน่นคิดนี่มามากเกินไปแล้ว แต่ปัญหาคือว่า ธรรมชาติมักจะเกลียดความว่างเปล่า หรือพูดอีกอย่างคือ สมองของคุณต้องการอะไรสักอย่างมาเติมเต็มเสมอ …คำถามคือ อะไรล่ะที่จะมาเติมเต็มความคิดของคุณ? พระคัมภีร์สั่งไว้ชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง” (ฟีลิปปี 4:8) ดังนั้น การจะทำให้ความคิดแง่ลบ…

เหวี่ยงความคิดแง่ลบของคุณ ออกไปจากบัลลังก์ชีวิต

“ฉันนี่ ไม่ฉลาดเอาซะเลย…” “แล้วถ้าฉันไม่ดีขึ้นล่ะ?” “ฉันกลัวความล้มเหลวจัง” “ฉันจะต้องขัดสนไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ความคิดแง่ลบจะเป็นตัวกัดกินคุณ มันจะกัดกินความชื่นชมยินดีและสันติสุขของคุณ มันจะกัดกินสุขภาพของคุณเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ของคุณด้วย และถ้าคุณไม่ทำอะไรเลยกับมัน มันก็จะวางรากฐานมั่นคง และทำลายชีวิตของคุณ แต่คุณวางใจเถอะเรื่องนี้มีทางออก คุณสามารถทำลายอำนาจของความคิดเหล่านี้ได้ พระคัมภีร์หนุนใจคุณว่า “ให้คุณทำลายความเย่อหยิ่ง” และ “นำทุกความคิดเข้าสู่การเชื่อฟังพระคริสต์”  “และ (ทำลาย) ความเย่อหยิ่งทุกรูปแบบที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และจะยึดกุมความคิดทุกประการให้มาเชื่อฟังพระคริสต์” (2 โครินธ์ 10:5) คุณทำอย่างไร เมื่อความคิดแง่ลบเกิดขึ้นและตั้งรกรากในใจของคุณ? คุณจะปล่อยให้ตัวเองเป็นเหยื่อหรือเปล่า? หรือคุณจะกลั่นกรองความคิดเหล่านี้ผ่านพระคำของพระเจ้าและน้ำพระทัยที่พระองค์มีสำหรับคุณ? ให้คุณรู้ไว้ว่า…

ลืมสิ่งที่กล่าวโทษคุณ…

คุณเคยพยายามวิ่งมาราธอน พร้อมกับแบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักถึง 35 กิโลไปด้วยไหม? ต้องไม่เคยแน่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะมันไม่ง่ายเลย พระคัมภีร์บอกว่า… ภาระหนักสามารถทำให้การวิ่งแข่งของคุณค่อยๆช้าลงได้ การวิ่งแข่งอะไรกัน? ก็การวิ่งแข่งในชีวิตของคุณเพื่อพระเจ้ายังไงล่ะ ภาระหนักที่สุดอันหนึ่ง ที่เราหลายคนแบกอยู่ในขณะที่เรากำลังวิ่งแข่งเพื่อพระเจ้าก็คือสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกฟ้องผิดของเรานั่นเอง มันคือน้ำหนักของความบาปและอดีตต่างๆของเรา คุณคิดว่าเป็นตัวคุณเองหรือเปล่าที่กักขังคุณไว้ในความรู้สึกผิดและการกล่าวโทษต่างๆ? พระคัมภีร์ 2 ตอนนี้บอกไว้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้: พระเจ้าจะไม่กล่าวโทษคุณในสิ่งที่คุณทำ ตราบใดที่คุณขอการอภัยจากพระองค์และใช้ชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยพระองค์ หน้าที่ของคุณคือ การวิ่งและลืมสิ่งที่ผ่านพ้น หรือพูดอีกอย่างคือ อย่าปล่อยให้คำกล่าวโทษต่างๆ (ความผิดพลาดของคุณ ความล้มเหลวของคุณ หรืออดีตของคุณ) อยู่ในจิตใจของคุณ เพราะพระเจ้าไม่ทรงจดจำสิ่งเหล่านี้เลย (1ยอห์น1:9,…

อย่าให้ความสงสัย มีอิทธิพลเหนือคุณ

ใครๆก็มีความสงสัยกันทั้งนั้นแหละ เช่น พระเจ้าใส่ใจฉันจริงๆหรอ? วันหนึ่งพระเจ้าจะทิ้งฉันไปไหมนะ? จริงๆแล้วความสงสัยเป็นธรรมชาติมนุษย์ แล้วพระเจ้าจะลงโทษฉันไหมนะ? ไม่เลยค่ะ ความสงสัยของคุณไม่เป็นปัญหาสำหรับพระเจ้าเลย มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ของคุณ แม้แต่สาวกที่อยู่ใกล้ชิดพระเยซูมาตลอด 3 ปี ช่วงที่พระเยซูอยู่บนโลกก็ยังมีความสงสัย เช่น เปโตร ผู้ที่ประกาศชัดว่าพระเยซูคือ “พระเมสสิยาห์” พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ (มัทธิว 16:16) เขาก็ยังสงสัยจนเกือบทำให้ตัวเองจมน้ำ (มัทธิว 14:31) ให้คุณรู้ไว้ว่า… อย่าปล่อยให้ความสงสัยของคุณส่งเสียงดังได้อีกนะคะ ฉันหนุนใจคุณวันนี้ว่า…ไม่ต้องสงสัยแต่ให้วางใจในพระเจ้าแทน จงขอการช่วยเหลือจากพระเยซู แล้วเลือกที่จะไว้วางใจในพระเจ้าผู้เป็นศิลานิรันดร์ พระองค์ผู้ทรงแข็งแกร่งและไม่หวั่นไหว จะทรงประทานความสงบสุขและสันติสุขที่คุณต้องการแก่คุณ ความสงสัยของคุณจะต้องหนีไปต่อพระพักตร์พระองค์